Bangkok Airways สรุปให้
- เสน่ห์ของที่เที่ยวสุโขทัยเต็มไปด้วยกลิ่นอายเมืองเก่าและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญสะท้อนความรุ่งเรืองในอดีตท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม เป็นจุดหมายปลายทางที่ผสมผสานการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
- นอกจากการสัมผัสเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยวสุโขทัยยังเต็มไปด้วยวิถีแห่งความสุขที่ผสานอดีต ปัจจุบัน และธรรมชาติเข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกที่สวยงาม ดอยเขาที่ปกคลุมด้วยม่านหมอก และวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวสุโขทัย ที่พร้อมส่งมอบรอยยิ้มและความอบอุ่นให้กับผู้มาเยือน
ที่เที่ยวสุโขทัย เต็มไปด้วยเสน่ห์ของกลิ่นอายเมืองเก่าและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ชวนให้ย้อนเวลาไปสู่อดีต ท่ามกลางความงดงามของธรรมชาติ และวิถีแห่งความสุขที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและการต้อนรับที่อบอุ่น Bangkok Airways ขอชวนทุกคนเก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทางไปสัมผัสดินแดนแห่งความประทับใจที่ผสานอดีต ปัจจุบัน และธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ
เที่ยวสุโขทัย ชมเสน่ห์กลิ่นอายเมืองเก่า

แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนผ่าน จนร่องรอยภายนอกของสถานที่อาจถูกกัดกร่อนลง แต่เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของสุโขทัยยังคงเปล่งประกาย ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้ย้อนรอยไปสู่ยุคทองของพ่อขุนรามคำแหง สัมผัสความศักดิ์สิทธิ์จากพระพุทธรูปโบราณกว่า 700 ปี พร้อมเรียนรู้ความเป็นไทยผ่านโบราณสถาน
โดยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ยังคงโอบกอดดินแดนแห่งนี้ด้วยความงดงาม น้ำตกที่ไหลเซาะผ่านหินใหญ่ และดอยเขาที่ปกคลุมไปด้วยหมอกยามเช้า ทำให้การมาเที่ยวที่นี่เต็มไปด้วยการเรียนรู้ การพักผ่อน พร้อมรอยยิ้มแห่งการต้อนรับที่อบอุ่น

อีกทั้งสุโขทัยยังเต็มไปด้วยประเพณีที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นลอยกระทง ลอยโคม เผาเทียน เล่นไฟ รวมทั้งประเพณีตั้งธรรมหลวงที่แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาและเคารพในพระพุทธศาสนา ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับรากเหง้าทางวัฒนธรรมของไทยอย่างเต็มอิ่ม
รวม 20 ที่เที่ยวสุโขทัยที่ใคร ๆ ก็ตกหลุมรัก 2568
1. วงเวียนหอนาฬิกา – ถนนคนเดินเมืองเก่าสุโขทัย

มาเที่ยวสุโขทัยต้องไม่พลาดเก็บภาพเช็กอินที่ “วงเวียนหอนาฬิกา” จุดศูนย์กลางของธุรกิจ การคมนาคม และกิจกรรมชุมชนมาตั้งแต่อดีต หอนาฬิกามีสถาปัตยกรรมทรงพุ่มข้าวบิณฑ์หรือทรงดอกบัวตูม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะสุโขทัย ในช่วงเทศกาลสำคัญ อย่างสงกรานต์ ที่นี่จะกลายเป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยสีสันและบรรยากาศคึกคัก
จากวงเวียนหอนาฬิกา เดินเพียง 650 เมตร ก็จะถึง “ถนนคนเดินเมืองสุโขทัยธานี” ที่จัดขึ้นทุกวันเสาร์ เวลา 17.00-22.00 น. บริเวณถนนสายริมน้ำยม ตั้งแต่หน้าสนามเด็กเล่นไปจนถึงจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ลิ้มลองความอร่อยของอาหารท้องถิ่นในราคาน่ารัก ชอปสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน อย่างผ้าพื้นเมือง ของที่ระลึกต่าง ๆ พร้อมชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลายทั้งดนตรีและระบำรำฟ้อน
2. ศาลพระแม่ย่า


กราบสักการะ “ศาลพระแม่ย่า” เทวรูปหินสลักรูปสตรีวัยสาวแต่งกายและประดับด้วยศิลปการนุ่งผ้าสมัยสุโขทัย ด้วยความเชื่อที่ว่า พระแม่ย่าจะช่วยขจัดปัดเป่าความเดือดร้อน ขอพร ขอโชคลาภ และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับสายมู คืออย่าลืมเสี่ยงเซียมซีที่ผู้คนบอกต่อกันแบบปากต่อปากว่าที่นี่ “แม่นมาก”
3. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

สัมผัสมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ “อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย” ที่ประกาศโดย UNESCO เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ภายในมีโบราณสถานทั้งสิ้น 193 แห่ง ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้วจำนวน 58 แห่ง ตลอดทั้งปีมีการจัดงานเทศกาลเฉลิมฉลองและงานประเพณีที่สำคัญ เช่น งานวันพ่อขุนรามคำแหง ประเพณีสรงน้ำโอยทาน สงกรานต์ศรีสัชนาลัย พิธีบูชาไฟสมัยพญาลิไท และการล่องเรือแห่รอยพระพุทธบาท
นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมดื่มด่ำกับเส้นทางวัฒนธรรม ได้ 3 วิธี ทั้งเดินเท้า ปั่นจักรยาน และ การนั่งรถรางไฟฟ้า โดยทางอุทยานฯ มีรถจักรยานให้เช่าด้วย นอกจากนี้ หน้าโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแต่ละแห่งยังมีป้าย QR Code สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน สามารถสแกนเข้าไปอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ มีให้เลือก 4 ภาษา ได้แก่ ไทย จีน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส เหมาะกับการเที่ยวเชิงเรียนรู้วัฒนธรรมในบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของอดีต

จากนั้นมาแวะเติมพลังกายและใจให้พร้อมเที่ยวสุโขทัยต่อ ที่ “บ้านมยุรา” ร้านชาและขนมไทยสูตรประจำตระกูล นอกจากจะมีบรรยากาศสวยคลาสสิกตามสไตล์เรือนไม้ไทยแล้ว ยังมีรสชาติละเมียดละไมให้ลิ้มลองกับ “ชาสวนสวรรค์” ที่ผสานกลิ่นหอมของดอกไม้และสมุนไพรนานาชนิด ทานคู่กับขนมไทยโบราณที่ทำสดใหม่ทุกวัน อย่างขนมรจนา ที่ดัดแปลงจากขนมอินทนิล และขนมสี่สวย ที่ล้วนใช้วัตถุดิบท้องถิ่น รสหวานน้อย กลมกล่อม อร่อยอย่าบอกใคร
4. วัดมหาธาตุ

“วัดมหาธาตุ” เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ถือเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาในอดีตโดดเด่นด้วยเจดีย์ประธานทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือทรงดอกบัวตูม ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของศิลปะสุโขทัย ผสานกลิ่นอายของศิลปะขอมและลังกา รายล้อมด้วยเจดีย์บริวารอีกกว่า 200 องค์ สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองทางสถาปัตยกรรม
ทางด้านตะวันออกเป็นที่ตั้งของ วิหารหลวง ก่อด้วยศิลาแลง เดิมเคยเป็นที่ประดิษฐานของ พระศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันได้ย้ายไปประดิษฐาน ณ พระวิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพมหานคร
นอกจากความยิ่งใหญ่ในฐานะโบราณสถานที่เปรียบเสมือนหัวใจแห่งอารยธรรมของสุโขทัย ที่นี่เหมาะกับการเดินชมแบบชิล ๆ ท่ามกลางกลิ่นอายประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล “ลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ” ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ทุกปี ภายในวัดจะถูกเนรมิตให้เปล่งประกายด้วยแสงเทียนและโคมไฟสะท้อนเงาเจดีย์กลางสระน้ำ ราวกับย้อนเวลาสู่สุโขทัยเมื่อ 700 ปีก่อน

5. วัดศรีสวาย

จากวัดมหาธาตุ เดินต่อไปเพียง 350 เมตร จะพบกับ “วัดศรีสวาย” หนึ่งในโบราณสถานสำคัญของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เดิมเคยเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูที่มีชื่อว่า “ศรีศิวายะ” ซึ่งหมายถึงพระศิวะ สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของศิลปะและวัฒนธรรมขอมในยุคแรกเริ่ม เชื่อกันว่าเป็นศาสนสถานในลัทธิไศวนิกาย เนื่องจากเคยปรากฏรูปพระศิวะประทับนั่งภายในองค์ปรางค์
ต่อมาเทวสถานแห่งนี้ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพุทธสถาน โดยมีการแปลงลวดลายเดิมให้เข้ากับแนวคิดทางพุทธศิลป์ เช่น บันแถลงแบบขอมกลายเป็นกลีบขนุนและปูนปั้นประดับด้วยรูปครุฑยุดนาคและเทวดา และพระปรางค์ศิลปะแบบลพบุรี 3 องค์เรียงกัน ซึ่งตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม โดยเฉพาะลวดลายปูนปั้นบนยอดปรางค์ที่ยังคงความสมบูรณ์
ที่นี่จึงเป็นหมุดหมายที่เหมาะกับคนที่สนใจการเปลี่ยนผ่านของศิลปะ ศาสนา และอัตลักษณ์วัฒนธรรม โดยเฉพาะในช่วงเช้าหรือยามเย็น แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านองค์ปรางค์ทั้งสามอย่างงดงาม
6. วัดสระศรี

มาต่อกันที่อีกหนึ่งวัดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ “วัดสระศรี” ตั้งอยู่บนเกาะกลางสระน้ำขนาดใหญ่ชื่อ “ตระพังตระกวน” แสดงถึงความเชื่อเรื่อง “นทีสีมา” ซึ่งใช้น้ำเป็นขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สำหรับประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา โดดเด่นด้วยพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยที่ประดิษฐานอยู่ท่ามกลางเสาศิลาแลงสูงใหญ่ ด้านหลังเป็นเจดีย์ประธานทรงระฆัง แสดงถึงอิทธิพลของพุทธศาสนานิกายลังกาวงศ์ที่เจริญรุ่งเรืองในสมัยสุโขทัย ล้อมด้วยซุ้มพระพุทธรูป 4 ทิศ
นอกจากนี้ วัดสระศรียังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตก เมื่อแสงแดดอ่อน ๆ ส่องกระทบผิวน้ำรอบเกาะ สะท้อนเงาองค์เจดีย์เกิดเป็นภาพที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของพุทธสถานท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม
7. วัดศรีชุม

เดินต่อกันไปที่นอกเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เพื่อไปสักการะพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่ “วัดศรีชุม” โบราณสถานที่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช โดดเด่นด้วย “พระอจนะ” พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หน้าตักกว้างประมาณ 11.30 เมตร สูงจากฐานถึงยอดรัศมีเปลว 15 เมตร ประดิษฐานภายในมณฑปที่ไม่มีหลังคา เนื่องจากส่วนยอดได้พังทลายลง
ภายในมีอุโมงค์แคบ ๆ ที่สามารถเดินขึ้นไปด้านหลังขององค์พระอจนะได้ เมื่อมีผู้พูดจากด้านหลัง เสียงจะสะท้อนก้องไปทั่ววิหาร คล้ายกับว่าเป็นเสียงที่มาจากพระพุทธรูป ซึ่งเชื่อกันว่าเคยใช้ปลุกขวัญทหารในยามศึกสงคราม จนเกิดเป็นตำนาน “พระพูดได้”
นอกจากนี้ ภายในวัดยังพบศิลาจารึกหลักที่ 2 หรือ “จารึกวัดศรีชุม” หลักฐานสำคัญที่บันทึกเรื่องราวของราชวงศ์พระร่วงและการก่อตั้งเมืองสุโขทัย รวมถึงมีแผ่นหินชนวนสลักภาพลายเส้นเรื่องชาดกต่าง ๆ จำนวน 50 ภาพ ถือเป็นงานจิตรกรรมไทยที่เก่าแก่ที่สุด และทางทิศเหนือยังมีต้นมะม่วงป่าอายุมากกว่า 200 ปี ที่ได้รับการอนุรักษ์และขึ้นทะเบียนรุกขมรดกของแผ่นดินด้วย
8. เขื่อนสรีดภงส์

ที่นอกกำแพงเมืองด้านตะวันตกของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเป็นที่ตั้งของ “เขื่อนสรีดภงส์” หรือ “ทำนบพระร่วง” คันดินกั้นน้ำขนาดใหญ่ที่ทอดตัวระหว่างหุบเขาพระบาทใหญ่และเขากิ่วอ้ายมา เพื่อกักเก็บน้ำจากธรรมชาติมาใช้ในเมือง ในปัจจุบันเขื่อนสรีดภงส์ได้รับการบูรณะและดูแลอย่างดี
บริเวณโดยรอบเขื่อนเต็มไปด้วยทิวเขาเขียวขจีสลับซับซ้อนที่โอบล้อมผืนน้ำขนาดใหญ่ กลายเป็นจุดชมวิวสุดโรแมนติก โดยเฉพาะยามเย็นเมื่อแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าตกกระทบผืนน้ำ ถือเป็นอีกหนึ่งมุมสงบที่ทั้งสายประวัติศาสตร์และสายถ่ายภาพไม่ควรพลาด
9. โครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย

สำหรับคนรักการเที่ยวสายธรรมชาติ และต้องการสัมผัสวิถีชีวิตชาวนาไทย ต้องไม่พลาด “โครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย” บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ที่เปลี่ยนการชมวิวธรรมดาให้กลายเป็นศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ที่เต็มไปด้วยสีสัน
สนุกไปกับกิจกรรมมากมายให้ได้ลองลงมือทำด้วยตัวเอง ทั้งชมแปลงเกษตรผสมผสาน ฝึกดำนา ขี่ควาย ปลูกผัก เก็บไข่ และชิมอาหารออร์แกนิกจากครัวสุโขสุดอบอุ่น อย่างก๋วยเตี๋ยวชาวนา ไข่เป็ดเจียว และส้มตำผักน้ำ ท่ามกลางแปลงผัก สระบัว และท้องทุ่งกว้าง ให้ได้พักกายและใจ และกลับบ้านพร้อมประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่จะอยู่ในใจไปอีกนาน
10. อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย

ศึกษาประวัติศาสตร์แบบเพลิน ๆ ที่ “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย” แหล่งโบราณคดีที่สมบูรณ์และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เดิมชื่อ “เมืองเชลียง” แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “ศรีสัชนาลัย” เป็นที่เที่ยวสุโขทัยที่มีอายุเก่าแก่มาแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ประมาณ 2,300-1,500 ปี ที่ผ่านมา ภายในมีโบราณสถานและโบราณวัตถุทั้งหมด 215 แห่ง และสำรวจค้นพบแล้ว 204 แห่ง
- วัดช้างล้อม: วัดที่มีเจดีย์แบบลังกาสวยงาม ที่ฐานเจดีย์มีช้างปูนปั้น ขนาดสูงใหญ่กว่าช้างจริง และมีศิลาจารึกภาษาไทยโบราณที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย อายุกว่า 700 ปี เป็นหลักฐานสำคัญของการพัฒนาภาษาและอักษรไทย
- วัดเจดีย์เจ็ดแถว: ศิลปะแบบสุโขทัยแท้และศิลปะศรีวิชัยผสมสุโขทัย นับว่าเป็นวัดที่สวยที่สุดในสุโขทัย มีจุดเด่นที่เจดีย์ประธานรูปดอกบัวตูมและเจดีย์รายรวมต่างๆ จำนวน 33 องค์ ล้อมด้วยกำแพงแก้ว
- เตาเผาเครื่องสังคโลกโบราณ: แหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องสังคโลกสมัยสุโขทัย ที่ขึ้นชื่อว่าคุณภาพระดับโลก แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและศิลปกรรม

สำหรับใครที่หลงใหลในศิลปะผ้าไทย อย่าลืมแวะมาที่ “สุนทรีผ้าไทย” ชมความประณีตของผ้าซิ่นตีนจก ที่สืบทอดภูมิปัญญาทอผ้าด้วยเทคนิคโบราณมาหลายชั่วอายุคน พร้อมเปิดประสบการณ์สนุก ๆ ผ่านกิจกรรมทอผ้าด้วยตนเอง เรียนรู้การทอผ้าซิ่นตีนจก ทำตุ้มหู พวงกุญแจ จากเศษผ้าเหลือใช้ ได้ชิ้นงานหนึ่งเดียวในโลกกลับไปอวดเพื่อน ๆ กัน

หลังจากเที่ยวชมวัดวาอารามและสัมผัสวิถีชุมชนแล้ว ส่งท้ายวันแห่งความสุขในสุโขทัยด้วยมื้อพิเศษที่ “ข้าวเปิ๊บยายเครื่อง” ตั้งอยู่ที่บ้านนาต้นจั่น อำเภอศรีสัชนาลัย ที่เสิร์ฟ “ข้าวเปิ๊บ” เมนูโบราณหาทานยาก โดยใช้แป้งข้าวหมักเทบนผ้าขาวบาง นึ่งจนสุก แล้วห่อผักสดหลากชนิด ก่อนราดน้ำซุปกระดูกหมูร้อน ๆ และโปะด้วยหมูแดงแผ่นใหญ่ นอกจากนี้ยังมีเมนู ก๋วยเตี๋ยวแบ ข้าวโอบ และหมี่พัน ที่อร่อยไม่แพ้กัน บรรยากาศร้านอบอุ่นเหมือนนั่งทานข้าวใต้ถุนบ้าน ซึ่งเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 08.00 น. ถึง 17.00 น.
11. อุทยานแห่งชาติรามคำแหง – จุดชมวิวเขาหลวง

“อุทยานแห่งชาติรามคำแหง” อุทยานแห่งชาติทางประวัติศาสตร์แห่งแรกของเมืองไทย ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอในจังหวัดสุโขทัย ทั้งคีรีมาศ เมืองสุโขทัย และบ้านด่านลานหอย ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ “เขาหลวง” ยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดสุโขทัย ด้วยความสูง 1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเล ประกอบด้วย 4 ยอดเขาสำคัญ คือ ยอดเขานารายณ์ ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า, ยอดเขาแม่ย่า ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน ส่วนยอดเขาพระแม่ย่า และยอดเขาภูกา เหมาะกับการชื่นชมธรรมชาติเขียวขจี
ระยะทางพิชิตยอดเขาหลวง จากที่ทำการอุทยานฯ ไปจนถึงยอดเขาหลวง ราว 3.7 กิโลเมตร ถึงแม้จะมีระยะสั้นและสูงไม่มาก แต่สายผจญภัยต่างให้ฉายาของเขาหลวงว่า “ภูเขาปราบเซียนในภาคเหนือของไทย” โดยต้องเดินขึ้นสู่ยอดเขาด้วยความชันหลายช่วง ใช้เวลาเดินประมาณ 3-4 ชั่วโมง ทัศนียภาพสุดตระการตาของพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน ท่ามกลางทะเลหมอกที่แทรกตัวตามป่าเขาและแม่น้ำลำธาร ถือเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวสุโขทัยที่สายแอดเวนเจอร์ต้องไปให้ได้สักครั้ง
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเปิดประสบการณ์พิชิตเขาหลวงสุดท้าทายที่ เปิดเส้นทางพิชิตเขาหลวงสุโขทัย ปีนเขารับไอหมอก
12. น้ำตกสายรุ้ง

หลังจากฟินกับการปีนเขาแล้ว มาชาร์จพลังใจกันต่อที่ “น้ำตกสายรุ้ง” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาหลวง น้ำตกแห่งนี้มีความสูงลดหลั่นกว่า 4 ชั้น ไฮไลต์ที่ทำให้เด็ก ๆ ตื่นเต้นอยู่ที่ ชั้นน้ำตกขนาดเล็กที่ไหลผ่านรางหินเรียบยาว 10 เมตร ที่กลายเป็นสไลเดอร์ธรรมชาติให้ได้ปล่อยตัวไหลลงมาอย่างสนุกสนาน เมื่อยามแสงแดดส่องผ่านละอองน้ำจะเกิดประกายสายรุ้งพราว โอบล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่และดอกเทียนป่าสีชมพูที่จะบานสะพรั่งช่วงฤดูฝน ให้ได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติจนต้องหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพสุดประทับใจ
13. ถ้ำเจ้าราม

“ถ้ำเจ้ารามหรือถ้ำพระราม” ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านด่านลานหอย ภายในบริเวณถ้ำเป็นที่โล่งกว้าง ด้านบนมีปล่องแสงพระอาทิตย์ส่องลงมาได้ โดยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญหลายองค์ ได้แก่ พระพุทธรูปไม้สักที่ชาวบ้านเรียกว่า “รูปพระราม” และ “หลวงพ่อศิลา” พระพุทธรูปปางนาคปรกสลักจากหินทราย สะท้อนศิลปะสมัยนครวัด
นอกจากนี้ถ้ำเจ้ารามยังเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงค้างคาวหลายชนิด ไฮไลต์ที่สำคัญของสายธรรมชาติคือ การชมค้างคาวบินออกจากถ้ำยามเย็น ช่วงเวลาราว 18.00 น. เพื่อหากินในยามเย็น โดยบินต่อกันเป็นทิวสายสวยงามท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์

14. บ้านทุ่งหลวง

แวะเดินเล่น ชมการปั้นดินเผาแบบดั้งเดิมที่ “บ้านทุ่งหลวง” ที่อำเภอคีรีมาศ ใกล้ ๆ ตัวเมืองสุโขทัย เป็นชุมชนโบราณที่ได้สืบทอดภูมิปัญญาการทำเครื่องปั้นดินเผามาหลายชั่วอายุคน ผ่านการใช้เทคนิคโบราณ อย่างการใช้ไม้ตีที่เรียกว่า “การตีหม้อ” และกระบวนการเผาในเตาเผาแบบดั้งเดิมให้ดินเป็นสีแดงเข้ม โดยไม่เคลือบ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ที่นี่ยังมีกิจกรรมหลากหลายให้เลือกทำ ตั้งแต่สาธิตปั้นหม้อด้วยเครื่องปั้นโบราณ การพิมพ์ลายด้วยไม้แกะสลัก การปัดทองเครื่องสังคโลก การเยี่ยมชมบ้านศิลปิน และการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาต่าง ๆ รวมถึงเดินชิลชมสตรีตอาร์ตตามอาคารบ้านเรือนไม้บริเวณโฮมสเตย์บ้านทุ่งหลวง
15. โด่แม่ถัน
“โด่แม่ถัน” จุดชมวิวธรรมชาติที่ซ่อนตัวอยู่ในตำบลกลางดง อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย เป็นภูเขาหินปูนที่มีความสูงประมาณ 1,500 เมตร นักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าและไต่ตามแนวหินขึ้นไปประมาณ 500 เมตรจากจุดเริ่มต้นที่โรงเรียนเชิงผา เส้นทางไม่ชันมาก สามารถเพลิดเพลินท่ามกลางธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ตลอดเส้นทาง
การเดินทางจะผ่านลานพระพุทธรูปให้สักการะก่อน จากนั้นถึงจุดชมวิวจุดที่ 1 จะเห็นวิวหมู่บ้านชัดเจน และเมื่อถึงยอดเขาจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์สุดสายตาแบบ 360 องศา เหมาะกับสายผจญภัยที่อยากสัมผัสเสน่ห์ของสุโขทัยในอีกมุมที่น่าค้นหา
16. ทุ่งดาวเรืองสุโขทัย

เมื่อหน้าหนาวมาเยือน ที่เที่ยวสุโขทัยที่ควรแวะไปเก็บภาพสวย ๆ ลงโซเชียล ต้องที่ “ทุ่งดาวเรืองสุโขทัย” ตั้งอยู่ริมถนนหมายเลข 1195 ที่ตำบลปากแคว อำเภอเมืองสุโขทัย ดอกดาวเรืองจะบานสะพรั่งแต่งแต้มให้ทั่วทั้งทุ่งกว่า 50 ไร่ เต็มไปด้วยสีเหลืองสดใส
โดยเฉพาะช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมของทุกปี ดอกดาวเรืองจะอยู่ในช่วงที่สวยที่สุด ในช่วงเช้าแสงแดดอ่อนและช่วงเย็นอาทิตย์ทอแสงกระทบกับทุ่งดอกไม้ ให้บรรยากาศที่อบอุ่น มองเท่าไรก็เพลินตา
17. วัดพิพัฒน์มงคล

“วัดพิพัฒน์มงคล” ตั้งอยู่ในตำบลทุ่งเสลี่ยม สันนิษฐานว่ามีอายุราว 700 ปี มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นด้วยพุทธศิลป์อันวิจิตรแฝงกลิ่นอายศิลปะล้านนา โดยเฉพาะมหาวิหารหลวงพ่อทองคำ ซึ่งประดิษฐาน “พระพุทธสุโขโพธิ์ทอง” หรือ “หลวงพ่อทองคำ” พระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์หนัก 9 กิโลกรัม ปางมารวิชัย ผสมผสานระหว่างศิลปะสุโขทัยและเชียงแสน
นอกจากนี้ยังมีพุทธวิหารลายคำ วิหารไม้สักทองอายุกว่า 100 ปี ที่ผสานศิลปะไทลื้อและหลวงพระบางได้อย่างงดงาม ภายในประดิษฐาน “หลวงพ่อทันใจ” อายุกว่า 400 ปี รวมถึง พระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุรากขวัญ จากประเทศศรีลังกา ควรค่าแก่การแวะสักการะเสริมสิริมงคลและศึกษาศิลปะโบราณด้านพุทธศาสนา
18. บ้านนาต้นจั่น


สัมผัสวิถีท้องถิ่นและแหล่งภูมิปัญญาที่ “บ้านนาต้นจั่น” ที่พร้อมต้อนรับคนที่มาเที่ยวสุโขทัย ชม ความน่ารักของผู้คนในชุมชนและกิจกรรมสนุก ๆ ให้เลือกทำได้ตลอดวัน ทั้งการทอผ้า ย้อมผ้าหมักโคลน ทำข้าวเปิ๊บ ทำตุ๊กตาบาร์โหน ปั่นจักรยานชมทุ่งนา นั่งรถอีแต๊กชมชุมชน ชิมอาหารพื้นบ้านมื้อใหญ่ที่จัดมาในขันโตก อย่างผักลวกจิ้มกับน้ำพริกซอกไข่ และยำไก่นอกหม้อ รสชาติถูกใจจนใคร ๆ ก็ต้องขอเพิ่ม พร้อมสวมใส่ผ้าซิ่นพื้นเมืองเข้ากับบรรยากาศฟินสุด ๆ
19. จุดชมวิวห้วยต้นไฮ

ชมวิวหลักล้านของที่เที่ยวสุโขทัยท่ามกลางทะเลหมอกที่ “จุดชมวิวห้วยต้นไฮ” จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ห่างจากบ้านนาต้นจั่นเพียง 3.5 กิโลเมตร โดยต้องเดินเท้าขึ้นเขาระยะ 850 เมตร ในยามเช้าช่วงปลายฝนถึงสิ้นสุดฤดูหนาว ระหว่างเดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ จะมีหมอกจาง ๆ คลอเคลียยอดผา และแสงอาทิตย์ทอแสงสีทองอ่อนส่องผ่านเมฆ
บรรยากาศเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน ทำให้เก็บภาพสวย ๆ ได้จากทั่วทุกมุม พร้อมจิบกาแฟอุ่น ๆ จากแก้วไม้ไผ่ อีกหนึ่งไฮไลต์เก๋ ๆ ของที่นี่คือ ปลูกป่าด้วยการใช้หนังสะติ๊กยิงลูกมะค่าตามฉบับภูมิปัญญาชาวบ้าน เหมาะกับสายสโลว์ไลฟ์ที่ต้องการสัมผัสความสงบและความงดงามของธรรมชาติตลอดวัน ตั้งแต่แสงแรกยามเช้าถึงแสงสุดท้ายยามเย็น
20. ทุ่งทะเลหลวง

“ทุ่งทะเลหลวง” เกาะกลางน้ำรูปหัวใจ สถานที่เที่ยวสุโขทัยสุด Unseen ที่สร้างตามแนวคิดโครงการแก้มลิงเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง โดยออกแบบให้เป็นรูปหัวใจ เพื่อแสดงถึงความรัก ความสามัคคีของชาวสุโขทัย
บนเกาะประดิษฐานมณฑปทรงจตุรมุข อันเป็นที่สถิตของ “พระพุทธรัตนสิริสุโขทัย” พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางมารวิชัยที่สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยพระมหาธรรมราชาลิไทแห่งกรุงสุโขทัย มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี ถือเป็นพระพุทธรูปสำคัญเหมาะกับการแวะไปสักการบูชา พร้อมดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามของแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่สะท้อนกับผืนน้ำโค้งรูปหัวใจ
ออกเดินทางท่องเที่ยวสุโขทัย ช่วงไหนดีที่สุด

สุโขทัย ตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนล่าง จึงมีสภาพอากาศค่อนข้างสูงเกือบตลอดปี โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 27.5 องศาเซลเซียส สามารถแบ่งระยะเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวสุโขทัย ออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่
1. กลางเดือนกุมภาพันธ์-กลางเดือนพฤษภาคม: ช่วงฤดูร้อน
เป็นช่วงฤดูร้อนของสุโขทัย อากาศร้อนอบอ้าว โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 33.7-37.3 องศาเซลเซียส โดยเดือนที่มีอากาศร้อนอบอ้าวที่สุด คือ เดือนเมษายน เหมาะกับการร่วมประเพณีคลายร้อน อาทิ สงกรานต์เมืองเก่า หรือสรงน้ำโอยทาน ณ ศรีสัชนาลัย
2. กลางเดือนพฤษภาคม-กลางเดือนตุลาคม: ช่วงฤดูมรสุม
เป็นช่วงที่มีลมมรสุมพัดผ่าน อากาศชุ่มฉ่ำและมีฝนตกชุก โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 31.7-35.1 องศาเซลเซียส ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการชมเมืองเก่าท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติเขียวขจี และผู้คนไม่พลุกพล่าน
3. กลางเดือนตุลาคม-กลางเดือนกุมภาพันธ์: ช่วงที่น่าเที่ยวที่สุด
ช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดของสุโขทัยคือ ช่วงฤดูหนาว โดยอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 22.1 องศาเซลเซียส อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการเที่ยวแบบชิล ๆ โดยเฉพาะช่วงเช้าที่จะได้ชมวิวธรรมชาติบนที่สูงถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกสวยงาม
ชมเสน่ห์กลิ่นอายเมืองเก่าของสุโขทัย บินไปกับ Bangkok Airways

ชมเสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว ของจังหวัดสุโขทัย ไม่ว่าจะเป็นการชมโบราณสถานที่ยิ่งใหญ่ การสัมผัสธรรมชาติที่งดงาม หรือการเรียนรู้วิถีชีวิตท้องถิ่น ออกเดินทางไปกับ Bangkok Airways บินตรงสู่สุโขทัย ด้วยเที่ยวบินสุดพิเศษ พร้อมยกระดับความประทับใจตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น
- บริการห้องรับรองสำหรับผู้โดยสารทุกท่าน
- น้ำหนักโหลดกระเป๋าท่านละ 20 กิโลกรัม
- การเลือกที่นั่งบนเที่ยวบิน
- บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน