กัมพูชานับว่าเป็นหนึ่งประเทศที่มีประวัติศาสตร์ใกล้ชิดกับไทยมาช้านาน ถึงแม้จะไม่ใกล้ชิดเท่าพม่าอย่างที่ได้เรียนมาในบทเรียนตั้งแต่เด็ก แต่อยู่ติดกันแค่นี้ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี ยิ่งในยุคนี้ที่ทุกประเทศถูกเชื่อมกันด้วยอินเทอร์เน็ต ยิ่งทำให้ใกล้มากขึ้นไปอีก รวมถึงทำให้เราได้ยิน ได้เห็น เรื่องราวเกี่ยวกับกัมพูชามากขึ้น ไม่ว่าจะจากข่าว หรือจากบล็อกเกอร์ท่องเที่ยว ทำให้คนไทยสนใจและไป เที่ยวกัมพูชา กันมากขึ้น
กัมพูชาเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องปราสาทหินเก่าแก่ มีปราสาทหินหลายแห่ง ชนิดที่ว่าถ้ามาเที่ยวกัมพูชาเพื่อชมปราสาทหินให้ครบอาจต้องมีหมดแรงข้าวต้มกันบ้าง สาเหตุเป็นเพราะในอดีตอาณาจักรแห่งนี้ถูกรุกรานจากอาณาจักรโดยรอบ ทำให้ต้องย้ายเมืองหลวงครั้งแล้วครั้งเล่า บางทียังสร้างไม่ทันเสร็จก็ต้องย้ายแล้วก็มี ย้ายไปย้ายมาจนกลายมาเป็นเมืองพนมเปญในปัจจุบัน นี่อาจเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ใครหลายคนอาจจะยังไม่รู้ งั้นเรามาดูไปพร้อมๆ กันเลย
ในอดีตอาณาจักรขอมนั้นล่มสลายมาจนถึงในยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ใน พ.ศ.1345 ได้รวบรวมอาณาจักรขอมให้เป็นปึกแผ่นกลายเป็นอาณาจักรกัมพูชาขึ้นครั้งแรก และกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง รวมถึงมีการตั้งตนเป็นเทพตามลัทธิเทวราชา เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวกัมพูชา และเกิดการสร้างเมืองหลวงและปราสาทหินขึ้นหลายแห่ง ส่วนใหญ่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพตามศาสนาต่างๆ ตามที่กษัตริย์ที่ครองราชในช่วงนั้นๆ นับถือ
“เมืองหริหราลัย” เมืองหลวงแห่งแรกของอาณาจักรขอมที่หายสาบสูญ
เมืองหริหราลัยเป็นเมืองหลวงแห่งแรก ถูกสร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 หลังการรวมอาณาจักรเป็นหนึ่งเดียว บนพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 20 ตารางกิโลเมตร (12,500 ไร่) สาเหตุที่ทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นเมืองที่หายสาบสูญ หรือ The Lost City เพราะตั้งอยู่บนมเหนบรรพต (เทือกเขาพนมกุเลน) ซึ่งเป็นภูเขาสูงชัน และซ่อนตัวมิดชิดอยู่ในป่าทึบ มีฝนตกชุก เพื่อหนีการรุกรานของศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่างชวา และเป็นเมืองที่ให้เฉพาะกษัตริย์ประทับอยู่เท่านั้น จึงไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ ทำให้เพิ่งถูกค้นพบเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง
ด้วยความเก่าแก่ถึงหนึ่งพันกว่าปี ทำให้เมืองหริหราลัยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวกัมพูชา ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้ไม่แพ้นครวัด ทางไปยิ่งยากลำบากก็ยิ่งท้าทาย เพราะถึงขั้นต้องพักค้างคืนกันกลางป่าเลยทีเดียว อีกทั้งบนเทือกเขาพนมกุเลนยังมีปราสาทเล็กปราสาทน้อย รวมถึงหมู่บ้านเก่าแก่ซ่อนตัวอยู่เต็มไปหมด และยังมีน้ำตกพนมกุเลนให้ไปเล่นน้ำคลายร้อนกันอีกด้วย
“เมืองยโศธรปุระ” แห่งพระเจ้ายโศวรมันที่ 1
หลังจากสิ้นยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ใน พ.ศ.1432 เข้าสู่ยุคของพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ก็ได้มีการสั่งให้สร้างเมืองยโสธรปุระขึ้นเป็นเมืองหลวงแทนเมืองหริหราลัย (อยู่ไม่ไกลจากนครวัด) เมืองยโสธรปุระตั้งอยู่บนภูเขาสูง 75 เมตร โดยมีปราสาทพนมบาเค็ง ณ ศูนย์กลางของเมือง เป็นศาสนสถานของศาสนาฮินดู สร้างเพื่อบูชาแด่พระศิวะ
ปัจจุบันปราสาทพนมบาเค็งมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก และเนื่องจากตัวปราสาทตั้งอยู่บนยอดของภูเขา ทำให้คุณสามารถชมวิวที่สวยงามด้านล่าง ทำให้มองเห็นนครวัดจากบนนี้ได้ด้วย ไฮไลต์ของปราสาทนี้คือคุณสามารถขึ้นไปบทปราสาทเพื่อชมวิวยามพระอาทิตย์ตกดินได้ แต่สิ่งที่ควรระวังคือ ในช่วงหน้าหนาวจะเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวของกัมพูชา นักท่องเที่ยวจะเยอะ หากต้องการขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกด้านบนปราสาท ควรรีบไปตั้งแต่ 4 โมงเย็น เพราะจะมีการจำกัดให้นักท่องเที่ยวขึ้นได้เพียง 300 คนเท่านั้น ถ้าไปช้าคุณจะต้องรอจนกว่าจะมีคนลงมา ถึงจะสามารถขึ้นไปได้
“เกาะแกร์” พระเจ้าชัยวรมันที่ 4 โอรสจากสนม
หลังจากพระเจ้ายโศวรมันสินพระชนม์แล้ว โอรสทั้ง 2 พระองค์ของพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ก็รับช่วงต่อจากผู้เป็นบิดาเรื่อยมา จนกระทั่งใน พ.ศ.1464 ได้มีโอรสที่เกิดจากพระเจ้ายโศวรมันกับนางสนมคนหนึ่ง ได้สร้างเมืองโฉกการยกยาร์ (เกาะแกร์) ขึ้นมา โดยมีปราสาทธมเป็นเทวาลัยทรงพีระมิดอยู่กลางเมือง ปราสาทธมยังติดอันดับปราสาทที่สูงเป็นอันดับ 2 ของกัมพูชารองจากปราสาทนครวัดอีกด้วย
จนกระทั่งเมื่อโอรสทั้งสองที่เมืองยโศธรปุระสิ้นพระชนม์ โอรสที่เกิดจากสนมจึงแต่งตั้งตนเองเป็นกษัตริย์คนต่อไปโดยใช้ชื่อว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ 4 และอาศัยอยู่ที่เกาะแกร์แห่งนี้จนสิ้นอายุขัย หลังจากสิ้นพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ผู้เป็นโอรสก็ได้ขึ้นครองราชย์และย้ายเมืองหลวงกลับไปที่เมืองยโศธรปุระอีกครั้ง
พื้นที่เกาะแกร์เป็นพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมบ่อย หลังจากย้ายเมืองหลวงแล้วเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้เมืองนี้ถูกลืม และมีต้นไม้ขึ้นเป็นเป็นป่าทึบซ่อนเมืองแห่งนี้ไว้ ตั้งแต่ช่วง พ.ศ.1487 จนกระทั่งถูกค้นพบอีกครั้งเมื่อ พ.ศ.2546 นี้เอง ด้วยความที่ค่อนข้างไกล ไปยาก ทำให้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเกาะแกร์มากนัก ใครอยากหาที่เงียบๆ คนน้อยๆ ถ่ายรูป จะต้องชอบเมืองหลวงเก่าแห่งนี้แน่นอน
“นครวัด” อาณาจักรอันยิ่งใหญ่และมั่นคงที่สุดของกัมพูชา
เมืองหลวงถัดไปต่อจากเกาะแกร์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีปราสาทที่สูงที่สุดในกัมพูชา ถูกสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เมื่อ พ.ศ.1603-1693 เมื่อพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ขึ้นครองราชย์ ทำให้อาณาจักรกัมพูชาเป็นปึกแผ่น ซึ่งพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 นั้นทรงศรัทธาในพระวิษณุ เลยสั่งให้สร้างอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ขึ้นบนพื้นที่ 820,000 ตารางเมตร และมีปราสาทสูง 60 เมตรตั้งอยู่ตรงกลางอาณาเขต มีคูน้ำล้อมรอบพื้นที่ และมีการแกะสลักที่สวยงาม สถานที่แห่งนี้คือ นครวัด ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนั่นเอง
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มานครวัดเพื่อชมความยิ่งใหญ่ ที่ว่ากันว่าของจริงสวยงาม และอลังการกว่าในภาพหลายเท่า คนที่ได้มาเที่ยวต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า วิวพระอาทิตย์ตกดินลับฟ้าไปด้านหลังตัวปราสาทนครวัดนั้นสวยจับใจเลยล่ะ
“นครธม” พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ผู้นับถือพุทธ
พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ผู้ที่เลื่อมใสในศาสนาพุทธนิกายมหายานเป็นอย่างมาก พระองค์ทรงรับรู้ถึงความเดือดร้อน ยากลำบากของประชาชน จึงมีการสร้างถนน วัด สระน้ำขึ้น รวมถึงสร้างนครธม และปราสาทบายนขึ้นใจกลางนคร ว่ากันว่าในยุคที่นครธมเป็นเมืองหลวงเป็นยุคที่อาณาจักรกัมพูชารุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่ง ซึ่งภายหลังจากพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สิ้นพระชนม์ ก็มีกษัตริย์หลายพระองค์ขึ้นครองราชย์สืบต่อกันมา หลายช่วงเวลาผ่านไปแบบไม่มีการย้ายเมืองหลวง
นครธมเป็นเมืองหลวงเก่าแห่งสุดท้ายก่อนจะย้ายไปที่กรุงพนมเปญ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวนครธม ส่วนใหญ่ก็จะแวะมาชมปราสาทบายน ปรางค์ปราสาทถูกแกะสลักเป็นรูปหน้าของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ซึ่งแต่ละหน้าเมื่อได้มองจะให้ความรู้สึกแตกต่างกัน อยากรู้ต้องลองไปยืนจ้องหน้าด้วยตัวเอง
“พนมเปญ” เมืองหลวงปัจจุบันของกัมพูชา
พนมเปญกลายเป็นเมืองหลวงของกัมพูชาเนื่องจากเมื่อ พ.ศ.1974 กรุงศรีอยุธยาสามารถยึดนครวัดเป็นเมืองขึ้นได้ และให้พระอินทราชาขึ้นครองราชย์ เวลาผ่านไปในสมัยการปกครองของสมเด็จพระนโรดมที่ 1 ได้มีการย้ายเมืองหลวงไปที่พนมเปญใน พ.ศ.2409
ใน พ.ศ.2406 ก่อนที่จะแต่งตั้งพนมเปญเป็นเมืองหลวง กัมพูชาได้กลายเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ใน พ.ศ.2431 เราจึงต้องยอมยกให้ฝรั่งเศสในสมัยของรัชกาลที่ 5 ทำให้กรุงพนมเปญเกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็วจนได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งเอเชีย เกิดเป็นห้างสรรพสินค้าใน อาคาร ร้านค้า ร้านอาหารในพนมเปญ และที่พักในพนมเปญมากมาย รวมถึงถนนที่กว้างขวาง และฟังเมืองที่เป็นระเบียบ จนกระทั่ง พ.ศ.2495 กัมพูชาก็ได้ประกาศเอกราชจากฝรั่งเศส
ด้านเศรษฐกิจของพนมเปญในปัจจุบันมีนักลงทุนจากนานาชาติเริ่มเข้าไปลงทุนกันมากขึ้น เนื่องจากยังเป็นตลาดใหม่ที่หลายๆ คนจ้องกันอย่างไม่ละสายตา อย่างเมื่อสิ้นปี 2560 ห้างแม็คโครก็ได้เปิดสาขาแรกในพนมเปญเป็นที่เรียบร้อย และผลตอบรับก็ดีอย่างที่คาดคือชาวกัมพูชาช็อปแหลกอย่างกับแจกโชค
ส่วนด้านการท่องเที่ยว ด้วยความที่กรุงพนมเปญอยู่ใกล้ชิดสถานที่ทางธรรมชาติอย่างโตนเลสาบ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแม่น้ำโขง รวมถึงมีสนามบิน ทำให้เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวบางส่วนเลือกเป็นสถานที่จุดเริ่มต้นในการเที่ยวกัมพูชา
นี่คือเรื่องราวการย้ายเมืองหลวงของอาณาจักรกัมพูชา ที่เรียกได้ว่าย้ายบ่อยกว่าพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งเปลี่ยนที่ทำงานเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นเพียงเรื่องราวการย้ายเมืองหลวงหลังจากมีการรวมกันเป็นอาณาจักรกัมพูชาเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ตอนที่กัมพูชายังเป็นอาณาจักรย่อยๆ อย่างในยุคแรกของกัมพูชาสมัยที่ยังเป็นอาณาจักรฟูนัน หรืออาณาจักรเจนละ ก็มีการเรื่องราวการย้ายเมืองหลวงอีกหลายครั้งเช่นกัน
ใครที่สนใจจัดทริปตามรอยการย้ายเมืองหลวง เที่ยวกัมพูชา การเดินทางจากกรุงเทพไปพนมเปญมีทั้งโดยรถยนต์ และเครื่องบิน สำหรับคนไม่ค่อยมีเวลา ก็สามารถนั่งเครื่องบินไปลงสนามบินพนมเปญ แล้วเริ่มเที่ยวพนมเปญก่อน หรือจะยึดตามไทม์ไลน์แล้วค่อยมาแวะตอนจบทริปก็ได้ นอกจากบรรดาเมืองหลวงเหล่านี้ ยังมีที่เที่ยวกัมพูชาอีกมากมายที่น่าสนใจ หากฟังดูเข้าท่าก็อย่ารอช้าเช็กตั๋วเครื่องบินไปกัมพูชาได้ที่ http://www.bangkokair.com/tha/bestfares/view/to:phnom-penh