6 ที่เที่ยวฮานอย คัดแบบเด็ดๆ พาชมเมืองหลวงของเวียดนาม
ฮานอย เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม หนึ่งในเมืองหลวงที่เรียกได้ว่ามีเสน่ห์มากที่สุุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความวุ่นวายบนท้องถนนกลับกลายเป็นเอกลักษณ์ของฮานอยไปซะงั้น บ้านเมืองเต็มไปด้วยอาคารสไตล์โคโลเนียลเรียงรายทั้งสองข้างทาง บ่งบอกถึงร่องรอยที่เคยเป็นเมืองอาณานิคมของฝรั่งเศสและจีน มีทั้งความวุ่นวาย แต่ก็เงียบสงบในคราวเดียวกัน การมาเที่ยวฮานอยจึงเหมือนกับการได้มาสัมผัสมรดกทางวัฒนธรรมของย่านเมืองเก่าและความทันสมัยของเมืองหลวงที่มีแต่เสียงแตรและมอเตอร์ไซค์ดังแทบจะทุกๆวินาที
จริงๆแล้วฮานอยถือว่าเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของเวียดนามตั้งแต่ปี พ.ศ.1553 มีอายุถึง 1,000 ปี กว่าจะมาถึงวันนี้ได้นั้นมีการเปลี่ยนแปลงชื่อเมืองหลายครั้งจนมาลงเอยด้วยชื่อ ‘ฮานอย’ ซึ่งแปลว่า เมืองบนฝั่งโค้งของแม่น้ำ ซึ่งก็ตรงกับภูมิศาสตร์ของฮานอยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแดง มีทะเลสาบอยู่หลายแห่ง 1 ในนั้นอย่าง ‘ฮาลองเบย์’ ก็ได้สร้างชื่อดังไกลระดับโลก แถมยังมีทีเด็ดที่อาหารท้องถิ่นขึ้นชื่ออย่าง ‘เฝอ’ ที่เรามักจะเห็นผู้คนนั่งกินบนเก้าอี้และโต๊ะเล็กๆเรียงรายอยู่ริมทาง เพราะมีเสน่ห์สุดขั้วแบบนี้ วันนี้เราจึงคัดสรร 6 ที่เที่ยวในฮานอยแบบเน้นๆ รับรองว่าคุณจะได้รู้จักเมืองหลวงของเวียดนามมากขึ้นแน่นอน
1.ฮาลองเบย์ | ที่เที่ยวฮานอย
ไม่พูดถึงคงจะไม่ได้ซะแล้ว เพราะอ่าวฮาลองเบย์ถือได้ว่าเป็นพระเอกของงานนี้เลยก็ว่าได้ ภาพของเกาะหินปูนน้อยใหญ่ที่ผุดขึ้นมาจากน้ำสีเขียวมรกตมากถึง 1,969 เกาะ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,500 ตารางกิโลเมตร แถมบางเกาะยังมีถ้ำขนาดใหญ่ซุกซ่อนอยู่ เราจึงได้ทั้งนั่งเรือชมทัศนียภาพอันงดงามเหล่านี้ พร้อมกับสำรวจถ้ำเพื่อชมหินงอกหินย้อย พายเรือคายัค และปีนหน้าผา
สำหรับใครที่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี ก็ลองไปที่เที่ยวชื่อดังอย่าง ถ้ำเด่าโก๋ (ถ้ำใหญ่ที่สุดในอ่าว), เกาะกั๊ตบา (เกาะขนาดใหญ่สุดในอ่าวที่มีหาดทรายสวยและหมู่บ้านชาวประมง), และไนท์มาร์เก็ตฮาลองเบย์ (แหล่งรวมชอปปิง มีทั้งร้านอาหาร บาร์ชิคๆ ร้านขายของฝาก และตลาดโต้รุ่ง) ด้วยความสวยงามแปลกตาของสิ่งที่ธรรมชาติรังสรรค์เหล่านี้ ทำให้อ่าวฮาลองเบย์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ.1994 นับว่าเป็นมรดกโลกแห่งแรกๆของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยนะเนี่ย
2.ตามก๊อก (เมืองนิงห์บิงห์) | ที่เที่ยวฮานอย
หากเราลองนั่งรถออกมาจากตัวเมืองฮานอยประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็จะเจอกับเมืองนิงห์บิงห์ เมืองที่มีความพิเศษทางธรรมชาติ ภูมิทัศน์สวยงามแปลกตา มีสถานที่ขึ้นชื่ออย่าง ตามก๊อก (Tam Coc) หรือถ้าจะเรียกว่า ฮาลองบนบกของเวียดนาม ก็ดูจะไม่ผิดนัก เพราะที่นี่เต็มไปด้วยภูเขาหินปูนขนาดใหญ่กว่า 99 เขาตั้งรายล้อมเหล่าทุ่งนาสีเขียวขจีหรือเหลืองอร่ามตามแต่ละฤดูกาล มีแม่น้ำโงดงไหลผ่านคดเคี้ยวไปตามแนวของทุ่งนาจนลับตา
ดังนั้น การมาล่องเรือชมธรรมชาติที่ตามก๊อกจึงเหมือนการได้มาชาร์จพลังแบบเต็มเปี่ยม ได้สูดออกซิเจนให้เต็มปอด มองดูความเขียวขจีของนาข้าว ปล่อยใจชิลๆไปพร้อมกับสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ แค่คิดก็ฟินสุดๆแล้ว
3.สุสานโฮจิมินห์ | ที่เที่ยวฮานอย
ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ หรือที่รู้จักกันในนาม ลุงโฮ เป็นผู้นำที่ชาวเวียดนามให้ความเคารพรักมาก เมื่อปี ค.ศ. 1945 ลุงโฮได้อ่านคำประกาศอิสรภาพของเวียดนามจากฝรั่งเศสต่อหน้าชาวเมืองที่มาชุมนุมที่จตุรัสแห่งนี้กว่า 500,000 คน ต่อมาเมื่อท่านได้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1969 ร่างของลุงโฮได้ถูกดองไว้และนำไปเก็บไว้ที่สุสานโฮจิมินห์แห่งนี้ ซึ่งขัดกับความประสงค์ของลุงโฮที่อยากจะให้เผาร่างแล้วนำเถ้าถ่านและอังคารไปบรรจุไว้ที่ภาคกลางใต้ ภาคกลาง และภาคเหนือของประเทศ
การจะเข้าเยี่ยมชมสุสานโฮจิมินห์นั้นจะต้องมีความสำรวมมาก ทั้งห้ามทานอาหาร ห้ามเอามือล้วงกระเป๋า ห้ามส่งเสียงดัง และไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปภายในนั้นด้วย ถึงแม้คนจะเยอะหน่อย แต่ก็มีการจัดคิวให้ค่อยๆทยอยเข้าไปพร้อมระเบียบที่ว่าเมื่อเดินเข้าไปดูภายในสุสานแล้วห้ามหยุดเดินเป็นอันขาด คนที่มาเยือนต่างก็กวาดสายตามองไปที่ร่างของท่านโฮจิมินห์ที่นอนนิ่งอยู่ในโลงแก้ว ผู้นำอันเป็นที่รักของชาวเวียดนามทั้งประเทศ
4.วิหารวรรณกรรม | ที่เที่ยวฮานอย
สิ่งที่ดึงดูดให้เราต้องเดินทางมาที่วิหารวรรณกรรม (Temple of Literature) หรือ วันเหมียว ในภาษาเวียดนาม คงเป็นเพราะบรรยากาศและสถาปัตยกรรมของที่แห่งนี้ แลดูร่มรื่น ชวนให้มาเดินเยี่ยมชมไม่เหมือนที่ไหนในฮานอยเลย เพียงแค่เราลอดซุ้มประตูด้านหน้าเข้ามา ก็สัมผัสได้ถึงความเย็นสบายจากเหล่าต้นไม้น้อยใหญ่และบ่อน้ำทั้ง 2 ข้างทาง ดูๆแล้วมีการวางแผนผังการก่อสร้างมาอย่างดีเลย เพราะคำนึงถึงหลักฮวงจุ้ยเดียวกับจีน ด้วยเพราะจีนก็เคยปกครองเวียดนามมาก่อน
วิหารวรรณกรรมเป็นวิหารเก่าแก่มาก มีประวัติยาวนานนับพันปี จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นวัดโบราณที่สุดในฮานอยเลยก็ว่าได้ เดิมทีเคยเป็นโรงเรียนสำหรับเหล่าขุนนาง ที่นี่จึงนับว่าเป็นมหาลัยแห่งแรกของเวียดนามเลย ปัจจุบันได้มีการปิดตัวโรงเรียนลงแล้ว แต่วิหารวรรณกรรมยังคงเป็นที่รวบรวมประวัติศาสตร์ทางการศึกษาที่สำคัญมากที่สุดของเวียดนาม
5.ทะเลสาบคืนดาบ | ที่เที่ยวฮานอย
ท่ามกลางความวุ่นวายในเมืองหลวงของเวียดนาม หากอยากจะหาสักที่ที่ทำให้เราหลุดออกมาจากแวดวงเสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์ มันก็พอมีที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองอยู่บ้าง หนึ่งในนั้นคือทะเลสาบหว่านเกี๊ยม แปลได้ว่า ทะเลสาบคืนดาบ ซึ่งมีตำนานเกี่ยวกับดาบวิเศษจากสวรรค์และเต่ายักษ์ที่มารับดาบวิเศษแล้วดำลงน้ำหายไป ทะเลสาบน้ำจืดแห่งนี้มีสวนสาธารณะรอบๆ ผู้คนจึงนิยมมาเดินเล่น นั่งชิลๆ หลีกเลี่ยงจากความวุ่นวายได้ดี
หากเราเดินไปทางด้านเหนือของทะเลสาบหว่านเกี๊ยม ก็จะเจอกับเกาะเล็กๆ เป็นที่ตั้งของวัดหง็อกเซิน (Ngoc Son Temple) มีสะพานสีแดงเชื่อมระหว่างริมฝั่งกับเกาะหยก ชื่อว่า สะพานเทฮุก (The Huc Bridge) สะพานสีแดงนี่แหละเป็นจุดที่คนชอบมาถ่ายรูปกัน ถ้าเราจะมาถ่ายรูปบนสะพานอย่างเดียวนั้นไม่ต้องซื้อตั๋วก็ได้ ยกเว้นแต่จะข้ามไปเที่ยวชมวัดหง็อกเซิน ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็นิยมเดินข้ามสะพานแล้วไปเที่ยวชมวัดในคราวเดียวกัน
6.ย่านถนน 36 สายเก่า | ที่เที่ยวฮานอย
ก่อนกลับเราก็ต้องไม่พลาดตามหาของฝากติดไม้ติดมือกันคนละอย่างสองอย่าง มาถึงฮานอยทั้งที ก็คงจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก ย่านถนน 36 สายเก่า (36 Streets Old Quarter) หรืออาจเรียกว่า 36 เฝอเฟือง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลย ซึ่งตามประวัติแล้ว ถนน 36 สาย มีที่มาจาก 36 อาชีพเก่าแก่ที่ทำมาค้าขายกันในย่านนี้ ในอดีตนั้นเคยเป็นย่านหัตถกรรมที่มีประวัติยาวนานกว่า 600 ปี
แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นย่านขายสินค้าพื้นเมืองที่ใหญ่ที่สุด ของที่วางขายก็มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า ของที่ระลึก งานฝีมือ แถมยังมีร้านอาหารข้างถนนเยอะแยะเลย โดยเฉพาะช่วงวันศุกร์ – อาทิตย์ ก็จะมีไนท์มาร์เก็ต ทำให้ย่านนี้คึกคักไปด้วยผู้คน ถนนแต่ละสายก็มีสินค้าคละกันไปซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่ถนนแต่ละสายจะขายสินค้าเพียงอย่างเดียวตลอดทาง เช่น บางถนนที่ขายเสื้อผ้าก็จะขายเสื้อผ้าไปตลอดทั้งแนว เป็นต้น ดังนั้น ใครไม่อยากพลาดแหล่งชอปปิงสุดฮิตฮานอย ก็มุ่งหน้ามาย่านถนน 36 สายเก่าได้เลย
ฮานอย เมืองหลวงของเวียดนามที่ยังอบอวลไปด้วยสถานที่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันดีงาม มีธรรมชาติสวยงามแปลกตาไม่เหมือนที่ไหนในโลก เมืองที่วุ่นวายแต่ก็ยังคงอบอุ่น มีมุมเล็กๆให้ได้พิงใจ พิงกาย หากใครอยากลองมาสัมผัสดูสักครั้งว่าเสน่ห์ของความเป็นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอีกมุมเป็นยังไง ก็สามารถจองตั๋วเครื่องบินไปฮานอยกับบางกอกแอร์เวย์สได้เลย บินตรงจากสนามบินเชียงใหม่ทุกวัน พร้อมบริการแบบฟูลเซอร์วิสและห้องรับรองสำหรับผู้โดยสารทุกท่าน จองเลยที่ http://www.bangkokair.com/tha/flightdeals/view/chiang-mai-hanoi