Bangkok Airways สรุปให้
- อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เต็มไปด้วยพิกัดสุด Unseen ที่ห้ามพลาด อย่างเกาะพะลวย เกาะแม่เกาะ-ทะเลใน หาดสองพี่น้อง เกาะวัวตาหลับ ผาจันทร์จรัส ถ้ำบัวโบก เกาะท้ายเพลา-เกาะวัวกันตัง เกาะสามเส้า เกาะว่าว และเกาะหินดับ ที่รอให้ทุกคนได้มาสัมผัสความมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่
- นอกจากการดื่มด่ำทัศนียภาพจากมุมสูงแล้ว หมู่เกาะอ่างทองยังมีกิจกรรมหลากหลายให้เลือกทำ ทั้งพายเรือคายัค ดำน้ำชมปะการัง ลุยเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และสำรวจถ้ำหินงอกหินย้อย เปิดประสบการณ์ชมความงามของธรรมชาติแบบใกล้ชิด
หนึ่งในของดีเมืองสุราษฎร์ธานี นอกจากไข่เค็มไชยาที่โด่งดัง ก็ยังมีขุมทรัพย์แห่งธรรมชาติสุด Unseen โดยเฉพาะ “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง” มหัศจรรย์แห่งอ่าวไทยที่รอให้นักเดินทางได้มาค้นพบความงดงามที่ซ่อนอยู่ด้วยตัวเอง กับสถานที่สุดประทับใจอย่างทะเลใสสีมรกต สิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ที่สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ หรือถ้ำหินงอกหินย้อยสุดตระการตา
บทความนี้ Bangkok Airways ขอเป็นเพื่อนร่วมทางพาทุกคนไปเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางเที่ยวหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ไม่พลาดทุกพิกัดสำคัญและเก็บครบทุกความประทับใจตลอดทริป
เปิดโลกธรรมชาติสุด Unseen ที่หมู่เกาะอ่างทอง สุราษฎร์ธานี

ดื่มด่ำกับความงดงามของ หมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี สมบัติแห่งธรรมชาติกว่า 42 เกาะที่กระจายตัวท่ามกลางทะเลใสสีมรกต สถานที่ที่พร้อมจะทำให้ผู้มาเยือนตกหลุมรักธรรมชาติได้มากกว่าที่เคย ด้วยทัศนียภาพอันงดงามและระบบนิเวศอันอุดมสมบูรณ์ จากการอนุรักษ์ในฐานะอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งที่สองของประเทศไทย และอุทยานมรดกอาเซียน หรือ ASEAN Heritage Parks (AHP) ลำดับที่ 46 เมื่อปี พ.ศ. 2562
ได้สัมผัสประสบการณ์ Island Hopping สำรวจแต่ละเกาะที่มีเสน่ห์ไม่ซ้ำใคร สมกับคำว่า “Amazing Thailand” ที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตนานาชนิด อาทิ แนวปะการังสีสันสดใส ค่างแว่นถิ่นใต้ ฉลามวาฬ โลมา นกนางแอ่นกินรัง นกชายเลนหลากสายพันธุ์ และเต่าทะเล ที่บางครั้งอาจโผล่มาทักทายแบบใกล้ชิด

กิจกรรมหลากหลายที่จะเติมเต็มการเดินทางให้เต็มไปด้วยความประทับใจ ทั้งการพายเรือคายัคลัดเลาะผ่านผาหินปูน เดินสำรวจถ้ำหินงอกหินย้อย แวะชมลากูนลับใจกลางเกาะ ดำน้ำชมปะการังแบบชิล ๆ หรือลุยเส้นทางศึกษาธรรมชาติสู่จุดชมวิวหลักล้าน เพื่อดื่มด่ำกับทิวทัศน์แบบ 360 องศา แม้จะมีเวลาน้อยเพียง 1 วันก็สามารถจัดวันเดย์ทริปเก็บประสบการณ์อันล้ำค่าจากอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองได้อย่างเต็มอิ่ม
รวม 10 จุดเช็กอินไม่ควรพลาดบนหมู่เกาะอ่างทอง
1. เกาะพะลวย

Hidden Gem ในหมู่เกาะอ่างทองที่ “เกาะพะลวย” (Koh Phaluai Island) ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Virgin Island” เนื่องจากเป็นเกาะพลังงานสะอาดต้นแบบของไทยที่มีกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้า 100% โดยยังคงความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ และวิถีชีวิตเรียบง่ายของชุมชนดั้งเดิม รายล้อมด้วยผาหินปูนทรงแปลกตาและป่าอันเขียวขจี มีพืชป่าหายากหลายชนิด รวมถึง ‘กล้วยไม้นารีช่องอ่างทอง’ ราชินีของผืนป่าแห่งนี้ ไฮไลต์เด็ดอยู่ที่ปรากฏการณ์ทะเลแหวกบริเวณ “อ่าวเทียน” ของเกาะพะลวยเชื่อมไปยังเกาะหัวค่างทัก ซึ่งจะพบได้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ตอนต้นปี

อีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาดคือ การชมฝูงนกแก็กหรือนกแกง นกเงือกขนาดเล็กที่สุดซึ่งเป็นเจ้าถิ่นประจำเกาะ มักจะบินโฉบลงมาอวดโฉมจากยอดเขาแบบใกล้ชิด รวมถึงสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล ซึ่งสะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศได้เป็นอย่างดี
- ลมตะเภา (กุมภาพันธ์-มีนาคม) จะพบปลาหมึกและกุ้งแสม
- ลมพัทธยา (พฤษภาคม-สิงหาคม) เป็นฤดูของกุ้งแชบ๊วย กั้งตั๊กแตน ปลาเสียด ปลากระบอก ปลาลิ้นหมา
- ลมว่าว (พฤศจิกายน-ธันวาคม) จะพบปลาและปูม้า

สำหรับใครที่เป็นสายเช็กอินบนโซเชียลต้องไม่พลาด “ถ้ำคอม้า” ที่เกาะพะลวย ช่องผาหินปูนเหนือผิวน้ำทะเลใสที่มีรูปร่างคล้ายคอม้า ทิวทัศน์ที่ส่องผ่านช่องสวยงาม พร้อมความเชื่อว่า หากใครนั่งเรือลอดผ่านถ้ำคอม้าจะประสบพบเจอโชคดี หรือขอพรแล้วสมหวังตามใจต้องการ
2. หาดสองพี่น้อง

อีกหนึ่งเสน่ห์ของเกาะพะลวยคือ “หาดสองพี่น้อง” (Song Pee Nong Beach) ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะ ด้วยชายหาดที่ล้อมรอบด้วยเขาหินปูนและมีแนวหินยื่นกั้นกลาง ทำให้เกิดเป็นสองหาดแยกกันในช่วงน้ำขึ้น แต่เมื่อน้ำลดลงแนวทรายขาวจะปรากฏขึ้นเชื่อมทางเดินระหว่างสองหาดเข้าด้วยกัน ไฮไลต์พิเศษอยู่ที่เกาะหินขนาดเล็กคล้ายเขาตะปู จังหวัดพังงา ที่ผู้มาเยือนนิยมมาพายเรือคายัคชมรอบเกาะ เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามของหาดแห่งนี้
3. เกาะแม่เกาะ – ทะเลใน

“เกาะแม่เกาะ” (Koh Mae Koh Island) อีกหนึ่งเกาะสุด Unseen ในหมู่เกาะอ่างทองที่ไม่ควรพลาด โดดเด่นด้วยภูเขาหินปูนสลับซับซ้อนที่โอบล้อม “ทะเลใน” ทะเลสาบน้ำเค็มสีมรกตขนาดใหญ่ใจกลางเกาะ เปรียบเสมือนลากูนลับที่ซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขา ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลจนกลายเป็นแอ่งหินปูนยุบตัวลงในทะเล นักท่องเที่ยวสามารถพายเรือผ่านช่องโพรง เพื่อเข้าไปชมความงดงามของธรรมชาติด้านในได้

หรือจะเลือกเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 300 เมตร เพื่อชมความงามของทะเลในจากมุมที่แตกต่างอย่างใกล้ชิดกว่า 4 จุด เงาสะท้อนของน้ำสีมรกตที่โอบล้อมด้วยผาหินปูนและโขดหินน้อยใหญ่ ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายในฝันที่คนรักธรรมชาติต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง

4. เกาะวัวตาหลับ

กลางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองมี “เกาะวัวตาหลับ” (Ko Wua Talap Island) เกาะขนาดใหญ่ที่สุด โดดเด่นทั้งความสวยงามและความหลากหลายทางธรรมชาติ มีชายหาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใส โอบล้อมด้วยทิวมะพร้าวและแมกไม้เขียวขจี ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ ชวนให้พักผ่อนใจ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสนุก ๆ ให้เลือก ทั้งการดำน้ำตื้นชมปะการังหลากสี หรือพายเรือคายัคไปสัมผัสมุมสวยรอบเกาะ ซึ่งบางครั้งอาจพบฝูงโลมาหลังโหนกแหวกว่ายทักทาย

เกาะวัวตาหลับยังเป็นถิ่นอาศัยของค่างแว่นถิ่นใต้ สัตว์ป่าตัวน้อยที่มีสีขนเหมือนสวมแว่นขาวรอบดวงตา หากโชคดีอาจได้เห็นเจ้าลิงแสนซนโผล่มาโชว์ความน่ารักแถวแนวชายป่าหรือบริเวณที่ทำการฯ เกาะวัวตาหลับ ทำให้เกาะแห่งนี้ไม่ใช่แค่จุดพักใจ ชมพิกัดสุด Unseen แต่ยังเป็นมุมเชื่อมโยงธรรมชาติและชีวิตสัตว์น้อยใหญ่ที่หายากไว้อย่างลงตัว
5. ผาจันทร์จรัส

เดินขึ้นไปตามเส้นทางระยะทาง 500 เมตร เพื่อชมวิวหลักล้านที่ “ผาจันทร์จรัส” (Pha Chan Charat Viewpoint) บนเกาะวัวตาหลับ เมื่อถึงยอดผา จะได้สัมผัสกับทิวทัศน์สุดตระการตาของหมู่เกาะอ่างทองที่เรียงรายกลางทะเลสีฟ้าใสแบบ 360 องศา ผืนน้ำใสทอดยาวไกลสุดสายตาไล่เฉดกับเส้นขอบฟ้า เปิดประสบการณ์ชมหมู่เกาะในมุมที่สวยที่สุด
6. ถ้ำบัวโบก

มาผจญภัยในอุโมงค์ลับชมธรรมชาติกันต่อที่ “ถ้ำบัวโบก” (Bua Bok Cave) ถ้ำหินงอกหินย้อยบนเกาะวัวตาหลับ โดยต้องไต่ตามเชือกผ่านเส้นทางธรรมชาติกว่า 280 เมตร ก่อนจะพบโถงถ้ำที่ภายในเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยรูปทรงดอกบัวตูม และนางเงือกบนเพดานถ้ำกลางโถงที่ชาวต่างชาติเรียกว่า “Mermaid in a Limestone Cave” ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบและน่าค้นหา ยิ่งช่วงที่แสงสาดส่องผ่านปล่องเพดานถ้ำ ยิ่งเพิ่มความงดงามให้หินงอกหินย้อยภายในถ้ำแห่งนี้สวยจับใจ ถือเป็นหนึ่งในพิกัดเที่ยวหมู่เกาะอ่างทองที่สายแอดเวนเจอร์ไม่ควรพลาด
7. เกาะท้ายเพลา – เกาะวัวกันตัง

สองเกาะเล็กที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ต้อง “เกาะท้ายเพลา – เกาะวัวกันตัง” (Tai Plao Island – Wua Kan Tang Island) ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของหมู่เกาะอ่างทอง ถึงแม้ไม่ได้มีขนาดใหญ่หรือมีชายหาดทอดยาวเหมือนเกาะหลัก แต่เกาะท้ายเพลาและเกาะวัวกันตังกลับดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายไปพักผ่อนท่ามกลางอ้อมกอดธรรมชาติ

ด้วยบรรยากาศเงียบสงบ น้ำทะเลใสสีมรกต พร้อมด้วยโขดหินรูปร่างแปลกตาที่เรียงรายริมชายหาด นักท่องเที่ยวสามารถพายเรือคายัคชิล ๆ ไปตามแนวชายฝั่งชมทัศนียภาพรอบเกาะ นั่งเล่นริมชายหาด ฟังเสียงคลื่นซัดเบาๆ หรือจะดำน้ำ ชมแหล่งปะการังน้ำตื้นชนิดเขากวางและปะการังจานที่สวยงาม หากโชคดีอาจมีโอกาสได้พบกับวาฬบรูด้าโผล่มาทักทายให้ได้ตื่นเต้นกัน
8. เกาะสามเส้า

“เกาะสามเส้า” (Sam Sao Island) ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเกาะแม่เกาะ หนึ่งในเกาะเล็กที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ด้วยสะพานหินธรรมชาติที่ยื่นโค้งออกสู่ทะเล แลนด์มาร์กสำคัญของเกาะ ให้มาถ่ายภาพสวย ๆ เก็บไว้อัปลงโซเชียล
9. เกาะว่าว

“เกาะว่าว” (Koh Wow Island) จุดดำน้ำตื้นยอดฮิตแห่งใหม่ของหมู่เกาะอ่างทอง ท่ามกลางภูเขาหินปูนสลับซับซ้อน เพลิดเพลินไปกับปะการังที่อุดมสมบูรณ์และฝูงปลาหลากสี ถึงแม้ไม่มีชายหาดให้เดินเล่น แต่บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับกิจกรรมทางน้ำ จะดำน้ำตื้น เล่นน้ำ พายเรือคายัค หรือนั่งเรือชมความงดงามรอบเกาะ
10. เกาะหินดับ

“เกาะหินดับ” (Koh Hin Dab Island) อีกหนึ่งพิกัดลับสำหรับคนที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายมาพักใจในมุมเงียบสงบท่ามกลางความงดงามของธรรมชาติ ด้วยหาดทรายขาวทอดยาวถึง 500 เมตร ยาวที่สุดในหมู่เกาะอ่างทอง รายล้อมด้วยหินสีสวย เหมาะมากสำหรับคนที่อยากมาชาร์จแบตให้ตัวเอง จะนั่งเล่นริมหาด เดินถ่ายรูปมุมสวย ๆ หรือจะดำน้ำลึกชมปะการังก็ครบหมด
เตรียมแพลนเที่ยวหมู่เกาะอ่างทองช่วงไหนดี

จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีสภาพอากาศเย็นสบายตลอดปี โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 26.9 องศาเซลเซียส สามารถแบ่งระยะเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวหมู่เกาะอ่างทอง ออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่
1. ช่วงเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม: ช่วงที่น่าเที่ยวที่สุด
ช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดของหมู่เกาะอ่างทองคือ ช่วงฤดูร้อนของจังหวัดสุราษฎร์ธานี อากาศอบอุ่น ท้องฟ้าแจ่มใส คลื่นลมสงบ โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 32.5-35.2 องศาเซลเซียส ทำกิจกรรมสนุก ๆ ชมความงามของธรรมชาติ ทั้งพายเรือคายัค เดินป่าขึ้นจุดชมวิว และดำน้ำท่องโลกใต้ท้องทะเล
2. ช่วงเดือนพฤษภาคม-ช่วงเดือนตุลาคม: ช่วงฤดูฝน
เป็นช่วงที่มีลมมรสุมพัดผ่าน อากาศชุ่มฉ่ำและมีฝนตกเล็กน้อย โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 31.5-34.0 องศาเซลเซียส ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการชมหมู่เกาะอ่างทองในบรรยากาศสดชื่น ป่าเขาเขียวขจี ผู้คนไม่พลุกพล่าน ช่วงปลายฝนต้นหนาวอาจพบม่านหมอกได้ในยามเช้า
3. ช่วงเดือนตุลาคม-ช่วงเดือนกุมภาพันธ์: ช่วงฤดูมรสุม
เป็นช่วงที่ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมสูงสุด โดยอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 22.7 องศาเซลเซียส อากาศเย็นสบาย และอาจพบฝนตกชุกต่อเนื่องจนถึงเดือนธันวาคม ส่งผลกระทบต่อการเดินเรือข้ามไปยังเกาะต่าง ๆ จึงมักมีประกาศปิดหมู่เกาะอ่างทองชั่วคราวในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางและฟื้นฟูธรรมชาติ
คำถามที่น่ารู้เกี่ยวกับหมู่เกาะอ่างทอง

1. อุทยานฯ หมู่เกาะอ่างทองไปยังไง?
การเดินทางเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเลือกใช้บริการแพ็กเกจทัวร์แบบเช้าไป-เย็นกลับ (One Day Trip) ซึ่งมีให้บริการจากบริษัทนำเที่ยวบนเกาะสมุยและเกาะพะงัน
2. ค่าเข้าอุทยานฯ หมู่เกาะอ่างทองเท่าไหร่?
- ชาวไทย: ผู้ใหญ่ 40 บาท – เด็ก 20 บาท
- ชาวต่างชาติ: ผู้ใหญ่ 300 บาท – เด็ก 150 บาท
3. อุทยานฯ หมู่เกาะอ่างทองเปิด – ปิดกี่โมง?
- เวลาทำการ: 08.00 – 17.00 น.
- ข้อแนะนำ: ควรติดตามประกาศปิดฤดูกาลท่องเที่ยวประจำปีก่อนออกเดินทาง
ชมวิวหลักล้านบนหมู่เกาะอ่างทอง ไปกับ Bangkok Airways

สัมผัสความมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในสวรรค์แห่งธรรมชาติที่หมู่เกาะอ่างทอง แหล่งท่องเที่ยวใกล้เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งทิวทัศน์สวยงามสุดตระการตา หรือสัตว์หายากนานาชนิด ออกเดินทางไปกับ Bangkok Airways บินตรงสู่สมุย ด้วยเที่ยวบินสุดเอกซ์คลูซีฟ พร้อมบริการเหนือระดับตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น
- บริการห้องรับรองสำหรับผู้โดยสารทุกท่าน
- น้ำหนักโหลดกระเป๋าท่านละ 20 กิโลกรัม
- การเลือกที่นั่งบนเที่ยวบิน
- บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน