เที่ยวกัมพูชา
ยุคนี้ใครๆ ก็ออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวกันมากขึ้น เพราะอะไรๆ ก็สะดวกไปหมด ตั้งแต่แผนการท่องเที่ยวก็มีคนมารีวิวไว้ให้แล้วแทบจะทุกประเทศทั่วโลก การจองตั๋วเครื่องบินก็ทำได้ง่ายๆ จิ้มสองสามทีก็เก็บของออกไปสนามบินได้เลย ยิ่งแอปพลิเคชันจองที่พักมีเยอะจนเลือกใช้ไม่ถูก แถมสายการบินก็ขยันจัดโปรโมชั่นมาล่อตาล่อใจเสียเหลือเกิน ส่วนใครที่ยังไม่เคยก็ไม่ต้องเกร็ง วันนี้เรามีสถานที่สำหรับมือใหม่มาแนะนำ เป็นสถานที่ที่ไปง่าย ผู้คนอัธยาศัยดี แถมไปเองได้สบายมาก เพราะ เที่ยวกัมพูชา ไม่ไกล แบกเป้ไปคนเดียวได้
ด้วยความที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านอยู่ติดกันแค่นี้ แถมราคาตั๋วเครื่องบินก็ไม่แพง นั่งไปกับบางกอกแอร์เวย์ส เพียงแค่สามพันนิดๆ ในราคาปกติ เลยจัดทริปลองเที่ยวกัมพูชาคนเดียวดูสัก 3 วัน เป็นการเที่ยวคนเดียวครั้งแรก ส่วนที่เลือกนั่งเครื่องไปเพราะ เห็นตามรีวิวที่นั่งรถข้ามด่านผ่านแดน ต้องเผชิญกับการฝ่าด่านต่างๆ นาๆ ที่กว่าจะถึงเป้าหมายก็ต้องเสียเหงื่อ เสียเงินกันไป ใครที่ไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งเสี่ยง เดี๋ยวจะหมดอารมณ์เที่ยวเอาพอดี
ก่อนไปก็แลกเงินให้พร้อม ที่กัมพูชาคุณสามารถใช้ได้ 2 สกุลเงินคือ เรียลกัมพูชา (KHR) และดอลลาร์ (USD) เมื่อแลกเงินเสร็จ ก็จองตั๋วเครื่องบินและที่พัก โดยการเดินทางครั้งนี้จะเริ่มต้นที่เที่ยวเสียมเรียบ แล้วจบด้วยที่เที่ยวพนมเปญ
หลังจากลงเครื่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติเสียมเรียบ ซื้อซิมการ์ดเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งสามล้อเข้าที่พัก และตลอดการเดินทางในครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณพี่สามล้อที่ไปด้วยกันจนจบทริป หลังจากเปลี่ยนชุดพร้อมแล้วไปลุยที่เที่ยวแรกกันเลย
โตนเลสาบ (Tonlé Sap)
สถานที่เที่ยวแรกสำหรับทริปเที่ยวกัมพูชาคือ โตนเลสาบ หรือทะเลสาบเขมร เป็นทะเลสาบน้ำจืดอันโด่งดัง เพราะในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พี่เค้าใหญ่สุด และตั้งอยู่เกือบจะกลางประเทศกัมพูชาแบบพอดิบพอดี ถ้าดูในกูเกิลแมพ มองปราดเดียวก็พอเดาได้เลยว่าอยู่ตรงไหน ใหญ่กว่ากรุงเทพฯ ประมาณ 7 เท่าเลย
ยิ่งช่วงน้ำหลากตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน น้ำก็จะท่วมบริเวณโดยรอบทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ใหญ่ขึ้นอีก 5 เท่า ใหญ่ขนาดนี้ทำให้มีปลาเยอะถึง 300 ชนิด ก็เลยทำให้ชาวบ้านที่นี่ประกอบอาชีพประมงกันพรึ่บ
เมื่อมาถึงที่โตนเลสาบกิจกรรมที่ห้ามพลาดคือการนั่งเรือชมหมู่บ้าน วิถีชีวิต และฟาร์มจระเข้ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และก่อนออกจากที่นี่ต้องห้ามพลาดชิมเนื้อจระเข้ รับรองว่าคุณจะต้องแปลกใจ
Pub Street
หลังจากเที่ยวแบบชิลๆ ชมธรรมชาติ วิถีชีวิตชาวประมงไปแล้ว ฟ้าก็เริ่มโพล้เพล้ เลยปิดท้ายวันแรกด้วยการไปเดินหาอะไรกินก่อนกลับโรงแรมที่ Pub Street เสียหน่อย เมื่อไปถึง คำแรกที่ผุดขึ้นในสมองคือ ข้าวสารชัดๆ ที่นี่เปรียบเสมือนถนนข้าวสารของกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยผับ บาร์ ร้านขายเสื้อผ้า และรถเข็นขายของกินริมทาง
รวมถึงบรรยากาศไฟ LED ตามร้านต่างๆ และที่พาดข้ามถนนไปมาอยู่เหนือศีรษะ ขอยืนยันอีกเสียงว่าค่ำคืนของถนนแห่งนี้ก็คึกคักไม่แพ้ข้าวสารบ้านเราเลย เหมาะสำหรับใครที่อยากหาที่แฮงก์เอาท์ แต่อย่าสนุกจนลืมแผนของวันพรุ่งนี้ล่ะ เพราะไม่งั้นคุณอาจใช้เวลา 1 วันเต็มของทริปเที่ยวกัมพูชานอนแฮงก์อยู่ในโรมแรมก็เป็นได้
นครวัด (Angkor Wat)
เช้าวันที่ 2 แผนของวันนี้คือการไปเที่ยวปราสาทหินต่างๆ ในเสียมเรียบโดยเริ่มที่นครวัด ระหว่างทางก็แวะซื้อตั๋วสำหรับชมปราสาท ที่เป็นแบบเหมารายวัน คือซื้อใบเดียวเที่ยวได้ทุกปราสาท จะมีให้เลือกแบบ 1, 3 และ 7 วัน ราคาอยู่ที่ 37, 60 และ 72 ดอลลาร์ เมื่อได้ตั๋วแล้วก็ไปต่อกันเลย
สำหรับที่แรกของวันนี้ นครวัด เป็นปราสาทตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมที่ถูกล้อมรอบด้วยแม่น้ำ สร้างขึ้นในช่วง พ.ศ.1656-1693 ในสมัยพระเจ้าสุรียวรมันที่ 2 เป็นปราสาทขอมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาพระวิษณุ ในศาสนาฮินดู ปราสาทแห่งนี้ถูกยืนยันแล้วว่ายังสร้างไม่เสร็จ จริงๆ แล้วต้องพูดว่า มีการยืนยันแล้วว่าไม่มีปราสาทขอมแห่งใดเลยที่สร้างเสร็จ
เมื่อก้าวเท้าเข้ามาที่นครแห่งนี้ จะได้พบกับปราสาทขนาดใหญ่ มียอดปราสาทประธานที่สูงที่สุดตั้งอยู่ตรงกลาง และปราสาทบริวาร 4 ปราสาทตั้งอยู่โดยรอบเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ ยิ่งทึ่งในความสูง จนสงสัยว่านี่เค้ายกหินก้อนใหญ่ขนาดนี้ขึ้นไปได้ยังไง โดยที่ไม่มีเทคโนโลยีอะไร หลังจากหาคำตอบก็พบว่าเค้าใช้ช้างลากก้อนหินโดยการผูกกับรอก อีกทั้งตามกำแพงวัดยังมีการแกะสลักลวดลายต่างๆ แบบละเอียดละออ เรียกได้ว่าสวยงามและอลังการสมกับเป็นเมืองหลวงในสมัยนั้น ก่อนที่นี่จะถูกชาวจามบุกรุกจนต้องย้ายเมืองหลวงไปที่นครธม
ปราสาทบันทายกเดย (Banteay kdei)
ไปต่อกันที่ปราสาทบันทายกเดย ถูกสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีทางศาสนาพราหมณ์ในสมัยก่อน เป็นปราสาทที่มีความเก่าแก่ที่สุดในยุคนั้น และถึงแม้จะมีการสำรวจแล้วว่าเป็นปราสาทที่มีความซับซ้อนน้อยที่สุด แต่เมื่อได้เดินเข้าไปดูด้านในแล้วก็ต้องทึ่งในโครงสร้างและการออกแบบของเค้าอยู่ดี
สภาพแวดล้อมโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และด้านในเต็มไปด้วยค้างคาว หลังจากเดินชมพอหอมปากหอมคอก็ออกมาพักสูดอากาศที่ บาราย เป็นอ่างเก็บน้ำโบราณของขอม กะด้วยสายตาขนาดน่าจะประมาณ 2 สนามฟุตบอลและเต็มไปด้วยน้ำสีเขียวมรกต
ปราสาทตาพรหม (Ta Prohm)
พักจนหายเหนื่อยแล้วก็ลุยต่อที่ปราสาทตาพรหม ถูกสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1729 เป็นปราสาทหินยุคท้ายๆ ของอาณาจักรเขมร จุดประสงค์เดิมคือสร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดในศาสนาพุทธ เป็นปราสาทที่รัฐบาลไม่ตัดต้นไม้ทิ้ง เพราะเหมือนต้นไม้ที่ขึ้นแทรกตามกลางปราสาทจะกลายเป็นเอกลักษณ์ของปราสาทตาพรหมไปเสียแล้ว ร่องรอยตามกำแพงต่างๆ ถูกทำลายจากกษัตริย์ที่นับถือศาสนาฮินดู ที่นี่ยังถูกใช้ถ่ายภาพยนตร์บางเรื่อง เช่น ทูมไรเดอร์ เจมส์บอนด์
นครธม – ปราสาทบายน
นครธมสร้างในพุทธศตวรรษที่ 18 ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ถูกออกแบบด้วยศิลปะแบบบายน เพื่อเป็นศาสนสถานในศาสนาพุทธนิกายมหายาน ในยุคนี้เป็นช่วงที่อาณาจักรขอมมั่งคั่ง และรุ่งเรืองที่สุด เมื่อได้ก้าวเข้ามาในนครแห่งนี้ โดยเฉพาะปราสาทบายน ความอลังการของปราสาทแห่งนี้ในยุคนั้น ยังคงสะท้อนออกมาให้สัมผัสได้จนขนลุก
ไม่แน่ใจว่าอาจเป็นเพราะหินทรายที่ถูกแกะสลักเป็นรูปพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้านบนยอดแต่ละยอดด้วยหรือเปล่า บางหน้าก็มองลงมาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เปี่ยมเมตตา แต่บางอันก็ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา นครธมมีคูเมืองล้อมรอบแต่ละด้านมีความยาวถึง 3 กิโลเมตร หรือมีพื้นที่กว่า 9 ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว จบจากนครธม ถ้ามีเวลาเหลือก็สามารถไปต่อที่ปราสาทบาปวนได้ หรือถ้าตะวันโพล้เพล้แล้วก็กลับที่พักได้ ก่อนกลับแนะนำให้แวะตรงปากซอยทานอาหารข้างทาง รสชาติดีราคาเป็นมิตรอีกต่างหาก
พนมเปญ
เช้าวันสุดท้ายเรามาอยู่กันที่กรุงพนมเปญ เมืองหลวงแห่งประเทศกัมพูชา ที่เที่ยวก็เยอะเหมือนกัน ก่อนกลับแวะชมเมืองเขาหน่อย ก่อนอื่นไปเก็บสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดกันก่อนเลย
พระราชวังหลวงกรุงพนมเปญ
พระราชวังหลวงกรุงพนมเปญเป็นที่ประทับของราชวงศ์ ถูกสร้างขึ้นตามศิลปะเขมร โดยความช่วยเหลือของฝรั่งเศส เมื่อสมเด็จพระนโรดมสีหนุ กษัตริย์กัมพูชาย้ายเมืองหลวงจากอุดงมีชัยมายังพนมเปญ ก่อสร้างเสร็จใน พ.ศ.2409 ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวกรุงพนมเปญ สถานที่ส่วนใหญ่ภายในพระราชวังเปิดให้เข้าชมได้ ยกเว้นบางพื้นที่ เช่น เขตพระราชฐานที่ประทับ
ทุ่งสังหาร Killing Fields
ทุ่งสังหารแห่งนี้เป็นอนุสรณ์สถานที่เต็มไปด้วยโครงกระดูกมนุษย์และหลุมศพ เป็นร่องรอยบาดแผลจากความโหดเหี้ยมของเขมรแดงในอดีต ชื่อ “ทุ่งสังหาร” เกิดจากเมื่อ พ.ศ.2518 เขมรแดงฆ่านักโทษแล้วจะนำมาฝังไว้ที่นี่ มีผู้คนล้มตายจำนวนมากถึงขั้นเป็นการ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ด้วยสารพัดวิธี ทั้งยิง ตัดหัว ทุบตี แทง และอีกสารพัดที่คุณนึกไม่ถึง ว่ากันว่ามีผู้คนเป็นเหยื่อของเหตุการณ์ครั้งนี้กว่า 1,700,000 คน คุณจะสามารถเห็นหลุมฝังศพนักโทษประหารและเจดีย์ที่เต็มไปด้วยกะโหลกมนุษย์เรียงกันเป็นชั้นๆ ดูแล้วค่อนข้างหดหู่ ใครจะไปก็เตือนแล้วนะ
Aeon Mall
ก่อนกลับแวะมาช้อปปิ้งชมวิถีชีวิตคนเมืองกัมพูชากันหน่อย Aeon Mall แห่งนี้เป็นห้างที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในกัมพูชา ใครที่อยากเที่ยวกัมพูชา แล้วสงสัยว่าชาวกรุงพนมเปญ จะใช้ชีวิตเหมือนหรือต่างกับชาวกรุงเทพฯ แค่ไหน ต้องห้ามพลาด แถมยังได้รับการร่วมมือกันระหว่างเมเจอร์ ซินีเพล็กซ์ มีโรงหนัง 5 ดาว ลานโบว์ลิ่ง และสินค้าภายในห้างส่วนใหญ่จะเป็นจากญี่ปุ่น และไทย รวมถึงสินค้าแบรนด์ดังอื่นๆ พอได้มาเดินดูแล้วก็หรูหราไม่เบาเลย เค้าก็เริ่มพัฒนาตามๆ กันมาแล้ว เพราะไม่มีใครหยุดอยู่กับที่ตลอดไปหรอกจริงไหม
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งรีวิวสำหรับการเที่ยวคนเดียวที่เราได้ทำไว้ให้คุณ จะลอกไปทำตาม หรือจะดัดแปลงตามความเหมาะสม ตามสไตล์ของแต่ละคนก็เอาที่สะดวกได้เลย หรือใครที่กำลังกังวลอยู่ อาจจะลองหาเพื่อนร่วมทริปแบบที่ไม่ใช่เพื่อน ที่อาจจะเจอกันตามเว็บไซต์กำลังหาเพื่อนร่วมทริปอยู่ เพราะการที่ไม่ได้ไปกับเพื่อนตัวเอง อาจเป็นการบังคับให้เราพึ่งตัวเองมากขึ้น แล้วครั้งหน้าค่อยไปคนเดียว แล้วอัพรูปเก๋ๆ อวดบนเฟซบุ๊กว่า “ฉันแบกเป้เที่ยวกัมพูชาคนเดียวล่ะ” หรือถ้ากำลังมองหาตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวกัมพูชาเลือกลงได้ทั้งเสียมเรียบ และพนมเปญ สามารถเข้าไปเช็กรายละเอียดได้ที่ http://www.bangkokair.com/tha/bestfares/view/to:phnom-penh