Bangkok Airways สรุปให้
- จังหวัดลำปางมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามที่มีสถาปัตยกรรมล้านนา วิวภูเขาและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ รวมถึงตลาดนัดกลางคืนและพิพิธภัณฑ์ที่สะท้อนวัฒนธรรมและวิถีชีวิตพื้นเมืองอย่างลึกซึ้ง
- มาพักกาย ปล่อยใจที่ลำปางท่ามกลางบรรยากาศวัฒนธรรมล้านนาดั้งเดิม ธรรมชาติอันเงียบสงบ และวิถีชีวิตเรียบง่าย ซึมซับความสบายใจและความเรียบง่ายอย่างเต็มหัวใจ ชาร์จพลังได้อย่างเต็มที่
ดื่มด่ำกับบรรยากาศเมืองเหนือที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายล้านนาแท้ ๆ อย่างลำปางที่ชวนให้หลงใหล ตั้งแต่ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ วัดวาอาราม และจุดชมวิวที่สวยงามพร้อมสัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวบ้าน Bangkok Airways พร้อมพาทุกคนสัมผัสความงดงามที่หลากหลายไปกับ 20 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในลำปางที่ไม่ควรพลาด รับรองว่าคุณจะหลงเสน่ห์ของเมืองนี้แบบไม่ทันตั้งตัว
20 ที่เที่ยวห้ามพลาดในลำปาง สัมผัสเสน่ห์แห่งเมืองล้านนา
1. วัดพระธาตุลำปางหลวง (Wat Phra That Lampang Luang)
แวะเยือนวัดพระธาตุลำปางหลวง วัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปางที่มีความเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมไม้ล้านนาที่หาชมได้ยากและยังคงความงดงามไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ภายในวัดมีจุดน่าสนใจ อาทิ
- องค์พระธาตุทรงกลมแบบล้านนา มีฐานเป็นบัวลูกแก้วที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
- วิหารหลวงที่ประดิษฐานพระเจ้าล้านทองพร้อมจิตรกรรมฝาผนังเรื่องทศชาติ
- วิหารน้ำแต้มที่ภายในไม่มีเพดานและตกแต่งภาพจิตรกรรมบนแผงไม้เก่าแก่
- หอพระพุทธบาทที่มีเงาพระธาตุในมุมกลับซึ่งเปิดให้เข้าชมเฉพาะผู้ชายเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีบริการรถม้าพาชมรอบเมือง ให้เพลิดเพลินกับบรรยากาศล้านนาและวิถีชีวิตที่อบอุ่นของลำปางอีกด้วย
ที่อยู่: วัดพระธาตุลำปางหลวง 271 ตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://goo.gl/maps/Ar3oqwnneu4BZGay5
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน 07.30-17.00 น.
2 วัดศรีรองเมือง (Wat Si Rongmuang)
หนึ่งในวัดที่ไม่ควรพลาดในลำปาง วัดศรีรองเมือง วัดพม่าที่บ้านท่าคราวน้อยซึ่งโดดเด่นด้วยองค์เทพทันใจที่เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ ใคร ๆ ก็นิยมมาขอพรให้สมหวัง โดยเฉพาะเรื่องการงาน การเงิน และความรัก วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยคหบดีชาวพม่าที่มาทำไม้ในลำปางพร้อมช่างฝีมือจากเมืองมัณฑะเลย์
วัดศรีรองเมืองแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างถึง 7 ปีตามความเชื่อในการสร้างวัดทดแทนต้นไม้ที่มีเทพสิงสถิต ภายในมีวิหารไม้หรือ “จอง” ที่โดดเด่นด้วยศิลปะพม่า หลังคาซ้อนชั้นและยอดแหลม 9 ยอด ภายในตกแต่งอย่างประณีตด้วยลวดลายแกะสลักที่เสา เพดาน ผนัง และมณฑปพระพุทธรูป มีการลงรักปิดทองในทุกจุด
ที่อยู่: ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/GArczehSZYaza7ze6
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน 08.00-17.00 น.
3. วัดพระธาตุดอยพระฌาน (Wat Phra That Doi Prachan)
แวะชมวัดพระธาตุดอยพระฌาน วัดบนยอดเขาที่มองเห็นวิวเมืองลำปางแบบพาโนรามา วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาที่ให้บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับการสักการะบูชาพุทธสถานที่สำคัญอย่าง “สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณ” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ในซุ้มเรือนแก้วสีทองภายในวิหารซึ่งประดับด้วยการแกะสลักปิดทองอย่างสวยงาม
ที่ด้านหลังวิหาร นักท่องเที่ยวสามารถชมความงดงามของลวดลายต้นโพธิ์ทองที่โดดเด่นท่ามกลางพื้นสีดำ พร้อมขอพรพระธาตุดอยพระฌาน เจดีย์สีขาวบริสุทธิ์ที่มีปลียอดและฉัตรสีทองระยิบระยับ
เดินต่อไปสักการะพระใหญ่ไดบุตสึ หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวใหม่ภายใต้แคมเปญ Unseen New Chapters เมื่อปี 2566 ของลำปาง พระพุทธรูปมีสีเขียวสดหน้าตักกว้าง 14 เมตร ตั้งสง่างามโดดเด่นบนเนินเขาพร้อมการตกแต่งบริเวณโดยรอบด้วยซุ้มโทริอิสีแดงและโคมไฟสไตล์ญี่ปุ่น โดยสามารถมองเห็นวิวโค้งน้ำและทุ่งนากว้างไกลรอบทิศ บรรยากาศเหมาะกับการพักผ่อนชมวิวหรือใครมาเย็น ๆ จะได้เห็นพระอาทิตย์ตกอีกด้วย
ที่อยู่: ดอยพระฌาน ตำบล ป่าตัน อำเภอ แม่ทะ ลำปาง 52150
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/prJWAn31juYgXZ4s9
เวลาเปิด-ปิด: วันพฤหัสบดี-วันอังคาร เวลา 06.00-17.00 น. (ปิดวันพุธ)
4. วัดปงสนุกเหนือ (Wat Pong Sanuk Nuea)
แวะสักการะที่วัดปงสนุกเหนือ วัดที่ได้รับรางวัลอนุรักษ์มรดก “Award of Merit” จาก UNESCO ในปี 2551 วัดเก่าแก่กว่าพันปีที่มีสถาปัตยกรรมไม้เก่าแก่ที่ผสมผสานศิลปะไทย จีนและพม่าเข้าด้วยกัน อย่างวิหารพระเจ้าพันองค์ซึ่งภายในมีพระพุทธรูปสี่องค์หันไปยังทิศทั้งสี่
รอบ ๆ วิหารยังประดับด้วยพระพิมพ์องค์เล็กถึง 1,080 องค์ จึงได้ชื่อว่า “วิหารพระเจ้าพันองค์” เป็นความงดงามอายุกว่า 1,300 ปี (ตามตำนาน) ที่หาชมได้เฉพาะที่จังหวัดลำปางเท่านั้น พร้อมด้วยพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงของเก่าแก่ เช่น พระพุทธรูปไม้ เสาหงส์และภาพพระบฎโบราณ บอกเลยว่าเป็นวัดสวยทรงคุณค่าที่ควรค่าแก่การสัมผัส มาชมสักครั้ง
ที่อยู่: ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/EheiddkegEWbF3jb7
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 06:00 – 18:00 น.
5. วัดพระบาทปู่ผาแดง (Wat Phra Bat Pu Pha Daeng)
วัดพระบาทปู่ผาแดงหรือที่รู้จักกันในชื่อ “ดอยปู่ยักษ์” วัดสวยบนยอดดอยสูงของลำปางที่โดดเด่นด้วยเจดีย์สีขาวที่เรียงรายอยู่บนยอดเขาและรอยพระพุทธบาทจารึกบนแผ่นหินใหญ่ วัดนี้เป็นจุดชมวิวพาโนรามาที่มองเห็นทิวทัศน์อำเภอแจ้ห่มและภูเขารอบด้าน มีเจดีย์องค์ใหญ่ที่ประดิษฐานพระประธาน 4 ทิศและเจดีย์สีทองบนยอดเขาสูงสุด
การขึ้นไปสักการะจะต้องเดินเท้าเท่านั้น แม้ทางขึ้นจะชัน แต่เมื่อถึงจุดหมายแล้ว วิวสวยตระการตาจะทำให้รู้สึกสดชื่นและอิ่มเอมใจอย่างแน่นอน นับเป็นจุดหมายที่เหมาะกับการมาทำบุญและชมความงามของธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมล้านนา
ที่อยู่: ตำบลวิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/DCCr5kKiD3NY1wPQ6
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 07:30 – 16:00 น.
วิธีการเดินทาง: ทางวัดมีบริการรถรับส่งในราคา 90 บาทต่อคน โดยรถจะออกทุก 15 นาที จากจุดจอดรถด้านล่าง นักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าต่อไปตามบันไดอีกประมาณ 800 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
6. วัดพระเจดีย์ซาวหลัง (Wat Phra Chedi Sao Lang)
เยี่ยมชมวัดเจดีย์ซาวหลัง วัดสวยงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดลำปาง โดยชื่อ “ซาวหลัง” มาจากภาษาพื้นเมืองหมายถึงวัดที่มีเจดีย์ 20 องค์ เจดีย์แต่ละองค์เป็นศิลปะล้านนาผสมพม่า มีสีทองอร่ามพร้อมยอดฉัตรที่ประดับอย่างสวยงาม เชื่อกันว่าภายในเจดีย์บรรจุพระเกศาธาตุ
นักท่องเที่ยวยังสามารถสักการะพระพุทธรูปทันใจที่เป็นศิลปะเชียงแสนและพระแสนแซ่ทองคำซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองคำที่ขุดพบโดยชาวบ้านและขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุแห่งชาติ ใครมาเยือนลำปางต้องแวะมากราบไหว้และชมความงามของวัดโบราณแห่งนี้
ที่อยู่: วัดเจดีย์ซาวหลัง บ้านวังหม้อ ตำบลต้นธงชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/k6TSeGxLZgojvYwd9
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 07:00 – 20:00 น.
7. วัดอักโขชัยคีรี (Wat Akko Chai Khiri)
ขึ้นบันไดนาคล้านนาประยุกต์ 277 ขั้นสู่ “วิหารพระยืน” หรือ “วิหารพระศากยมุณี” ที่ประดิษฐานพระศากยมุณีคีรีอักโขของวัดอักโขชัยคีรี พระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ที่สุดในอำเภอแจ้ห่มที่สูงถึง 5 วา 2 ศอก วิหารไม้นี้ตั้งอยู่ด้านหลังพระอุโบสถซึ่งต้องเงยหน้าขึ้นมองจะทำให้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่และความเป็นสิริมงคลอย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งชมเงาพระธาตุเจดีย์สีทองที่สะท้อนบนพื้นกระดานไม้ซึ่งเป็นหนึ่งไฮไลต์สำคัญของที่นี่
นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสัตภัณฑ์หรือเชิงเทียนในภาษาล้านนาที่สร้างจากไม้ไผ่อย่างประณีต ใช้สำหรับจุดธูปเทียนบูชาพระประธาน และด้านหลังวิหารชมเงายังมีธรรมาสน์ไม้ไผ่ศิลปะล้านนาให้ได้ชมอีกด้วย
ที่อยู่: วัดอักโขชัยคีรี ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1035 กม. ที่ 50-51 ตำบลวิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/nhXGbVdwdJbdf3K76
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 07:00 – 17:00 น.
8. หล่มภูเขียว (Lom Phu Kiew)
สัมผัสความงดงามลึกลับของหล่มภูเขียวในอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทที่เกิดจากการยุบตัวของผิวดินจนกลายเป็นแอ่งน้ำสีเขียวมรกตขนาดใหญ่ ท่ามกลางป่าดิบแล้งและผาหินปูนสูงชันรอบด้านที่ให้บรรยากาศเงียบสงบและน่าค้นหา
แม้ว่าที่หล่มภูเขียวจะไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถถ่ายภาพสวย ๆ ที่สะท้อนความงดงามของน้ำสีมรกตและฉากหลังของป่าเขียวขจี พร้อมดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติร่มรื่นและสัมผัสความสงบที่รายล้อมได้
ที่อยู่: อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ตำบลบ้านอ้อน อำเภองาว จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/bFp1m5bWbcUoY5259
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 08.30-17.30 น.
9. น้ำตกเกาฟุ (Kao Fu Waterfall)
น้ำตกเกาฟุในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท น้ำตกที่ชาวไทยภูเขาชื่อนายเกาฟุสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มแหล่งน้ำให้แก่ผืนป่าโดยใช้เวลากว่า 10 ปีในการพัฒนาพื้นที่จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันร่มรื่นและงดงามของจังหวัดลำปาง
ที่น้ำตกเกาฟุเต็มไปด้วยธรรมชาติของป่าเขียวชอุ่มและผาหินสวยงาม ในช่วงฤดูฝนน้ำจะไหลเต็มลำธารจนเกิดเป็นน้ำตกชั้นเล็ก ๆ และหากมาในช่วงปลายฝนต้นหนาวประมาณเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนจะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย
ที่อยู่: ตำบลบ้านอ้อน อำเภองาว จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://goo.gl/maps/Btb8W24Zr54pfPwb8
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.
10. ผาหอบ (Pha Hob)
เดินลัดเลาะธรรมชาติมาชมความงดงามของคุ้งน้ำใสลึกที่ถูกขนาบด้วยหน้าผาสูงทั้งสองฝั่ง ที่ผาหอบ สามารถล่องแพแบบดึงเชือกโดยไม่ติดเครื่องยนต์ เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติเอาไว้และยังได้สัมผัสวิวอย่างใกล้ชิด หรือพายเรือคายัคชมทิวทัศน์โดยรอบได้อย่างจุใจ
ไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ คือ ถ้ำผาหอบซึ่งมีหินงอกหินย้อยสวยงาม ปากทางเข้าถ้ำยังมีจุดเด่นตรงที่เป็นรูปหัวใจ หากมองจากมุมต่าง ๆ จะเห็นเป็นรูปหัวใจสองดวงซ้อนกันหรือเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ถือได้ว่าเป็นมุมถ่ายรูปสวย ๆ ที่ยิ่งมาเป็นคู่ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความรักและความอัศจรรย์ที่ธรรมชาติ
ที่อยู่: บ้านแม่เกี๋ยง ตำบลสบป้าด อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://goo.gl/maps/AeddXji1jwwePnda8
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม : เริ่มต้น 20 บาท (ขึ้นอยู่กับประเภทของกิจกรรม)
11. จุดชมวิวดอยฟ้างาม (Doi Fa Ngam Viewpoint)
ลำปางก็มีดอยฟ้างามที่สวยไม่แพ้กันกับดอยในจังหวัดอื่น ๆ ของไทย เปลี่ยนจากการเที่ยวในเมือง ขึ้นมาผ่อนคลายกับวิวทะเลหมอกที่ 360 องศาที่หมู่บ้านสาแพะในลำปาง ดื่มด่ำบรรยากาศทะเลหมอกหนาขาวสวยงามปกคลุมเทือกเขา พร้อมชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบายสุดฟิน
สำหรับใครที่อยากพักค้างคืนเพื่อสัมผัสธรรมชาติอย่างจุใจ ที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็ยังมีพื้นที่กางเต็นท์ให้เพลิดเพลินกับการพักค้างคืน นอนฟังเสียงธรรมชาติแล้วตื่นมาสัมผัสกับอากาศเย็นสดชื่นในตอนเช้าได้อย่างเต็มที่
ที่อยู่: ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://goo.gl/maps/2RqrG3DZQ1CoHef76
เปิดให้เข้าชม: ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
การเดินทาง: เดินเท้าขึ้นประมาณ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ควรติดต่อผู้นำทางล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 วัน
12. เขื่อนกิ่วลม (Kiu Lom Dam)
เช็กอินที่เขื่อนกิ่วลม สัมผัสบรรยากาศสดชื่นท่ามกลางวิวภูเขาและป่าไม้ที่สวยงามรอบด้าน บริเวณเหนือเขื่อนเป็นอ่างเก็บน้ำและมีทิวทัศน์ที่สวยงามจนได้ชื่อว่า “กุ้ยหลินแห่งเมืองไทย” สามารถล่องแพหรือพายเรือชมวิวพร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ ฟังเสียงธรรมชาติแบบใกล้ชิด
ด้วยบรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายของเขื่อนกิ่วลม จึงเหมาะสำหรับการพักผ่อนชิล ๆ เพื่อเติมพลังใจได้อย่างเต็มที่ และถ้าใครอยากสัมผัสบรรยากาศความเงียบสงบแบบเต็มอิ่ม ที่นี่ก็ยังมีบริการแพพักค้างคืนอีกด้วย
ที่อยู่: เขื่อนกิ่วลม บ้านแลง อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://goo.gl/maps/fVKG3JXubdFBCJJm6
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
13. จุดชมวิวกิ่วฝิ่น (Kew Fiw Viewpoint)
ดื่มด่ำกับวิวสุดอลังการที่จุดชมวิวกิ่วฝิ่นหรือดอยล้าน ที่ความสูง 1,517 เมตร ทำให้มองเห็นวิวได้ไกลถึงเชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย ที่นี่เป็นจุดชมทะเลหมอกสวยงามโดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาวหรือฤดูหนาว หมอกจะปกคลุมยอดเขาพร้อมแสงอาทิตย์ในตอนเช้าและสาดส่องไปตามทิวเขาจนเกิดเป็นภาพวิวที่สวยงาม
นอกจากนี้ จุดชมวิวกิ่วฝิ่นยังเป็นจุดชมทะเลดวงดาวที่ส่องระยิบระยับในยามค่ำคืนอีกด้วย ถ้าอยากสัมผัสความงดงามแบบเต็มตา แนะนำให้เตรียมเต็นท์มากางค้างคืน เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศที่นี่ได้อย่างเต็มอิ่ม
ที่อยู่: องค์การบริหารส่วนตำบลแจ้ซ้อน ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://goo.gl/maps/qJ1VexHoeSGAgQTT7
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
14. อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน (Chae Son National Park)
สัมผัสความสดชื่นจากธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ที่เต็มไปด้วยจุดเที่ยวหลากหลายไม่ว่าจะเป็นน้ำตกแจ้ซ้อนสูงหลายชั้น ลานน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เหมาะสำหรับการแช่ออนเซ็น อาบน้ำแร่ หรือแคมปิงกลางป่าเขาร่มรื่น
สิ่งที่พลาดไม่ได้ของการเยือนอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน คือ “การต้มไข่น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน”เป็นกิจกรรมที่โดดเด่นของที่นี่ เพราะบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้่มีอุณหภูมิถึง 70-80 องศาเซลเซียส จะใช้เวลาต้มไข่ประมาณ 15 นาที ส่วนใครที่ชื่นชอบอากาศเย็น ๆ แนะนำให้แช่ออนเซ็นยามเช้าท่ามกลางไอหมอก เพื่อสัมผัสความฟินจากความหนาว และวิวธรรมชาติรอบตัวที่แสนงดงาม
ที่อยู่: อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/pTQmwo5pByqckiQW8
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
ค่าเข้าชม: ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
15. พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี (Dhanabadee Ceramic Museum)
ชามตราไก่ ชามชื่อดังที่คนไทยรู้จัก ถ้าอยากมาดูกระบวนการผลิตอย่างละเอียดก็ต้องมาแวะเช็กอินที่พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดีที่จะได้เห็นทุกขั้นตอนตั้งแต่การปั้นชาม ลงสี วาดลวดลายไก่ดั้งเดิม ไปจนถึงการเผาในเตาความร้อนสูง พร้อมชมโซนจัดแสดงชามตราไก่ไม่ว่าจะเป็นชามไก่ทองคำยักษ์ใหญ่ ชามไก่ที่บางที่สุดในโลกหรือชามไก่ที่เล็กที่สุดในโลก
นอกจากจะได้ชมชามตราไก่แบบต่าง ๆ แล้ว ยังสามารถสนุกกับการวาดลวดลายชามเซรามิกด้วยตัวเอง เพื่อสร้างชามไก่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เป็นของที่ระลึกที่ไม่เหมือนใครได้อีกด้วย
ที่อยู่: ถนนวัดจองคำ พระบาทซอย 1 ตำบลพระบาท อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/XjiF4qQPW1wuvzDDA
เปิดให้เข้าชม: ทุกวัน เวลา 09.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 60 บาท / นักเรียน 30 บาท / ชาวต่างชาติ 100 บาท
16. มิวเซียมลำปาง (Museum Lampang)
เรียนรู้ความเป็นลำปางที่มิวเซียมลำปาง พื้นที่ที่รวมประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และศิลปะไว้อย่างครบครัน มีการจัดแสดงนิทรรศการถาวรและหมุนเวียนพร้อมห้องสมุด TK Museum Lampang และเพลิดเพลินกับเรื่องราวเมืองลำปางที่ถ่ายทอดออกมาอย่างมีสีสันทั้งเรื่องของประวัติศาสตร์และไทม์ไลน์การสร้างเมือง การค้าขายไม้ในยุคโบราณ ไปจนถึงสำเนียงและภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยแบ่งออกเป็น 16 ห้องนิทรรศการ ดังนี้
- ห้องที่ 1 ก่อร่างสร้างลำปาง (Building Lampang City): พาไปรู้จักผู้ที่มีบทบาทในการพัฒนาเมืองลำปางตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
- ห้องที่ 2 เปิดตำนาน อ่านลำปาง (Legends of Lampang): รวมเรื่องราวตำนานและวีรบุรุษของลำปางในแต่ละย่าน
- ห้องที่ 3 ผ่อผาหาอดีต (Back to the Past): แสดงหลักฐานโบราณ เช่น ฟอสซิลและภาพเขียนสีจากยุคบรรพกาล
- ห้องที่ 4 ประตูโขงโยงรากเหง้า (Pratu Khong, Roots of Lampang): เชื่อมโยงอดีตลำปางกับเมืองหริภุญชัยยุคทวารวดี
- ห้องที่ 5 สี่สหายฉายประวัติ (Fantastic Four of Lampang’s History): ผจญภัยไปกับเรื่องเล่าของช้าง นาค สิงห์ อินทรี สี่สหายแห่งวัดปงสนุก
- ห้องที่ 6 แง้มป่องส่องเวียง (A Look into Lampang): เปิดมุมมองสู่ลำปางยุครัตนโกสินทร์และความเฟื่องฟูของการค้า
- ห้องที่ 7 ไก่ขาวเล่าวันวาน (Chicken Stories): ชมความสำคัญของไก่ขาว สัญลักษณ์ของลำปางที่เล่าเรื่องการพัฒนาเมือง
- ห้องที่ 8 จุดเปลี่ยนเมืองลำปาง (Turning Points of Lampang): เรียนรู้จุดเปลี่ยนของเมืองที่มีหลากหลายเชื้อชาติมีบทบาทในแต่ละยุค
- ห้องที่ 9 รางเหล็กข้ามเวลา (Railway Story): ศึกษาผลกระทบจากการมาถึงของรางรถไฟที่เปลี่ยนแปลงเมืองลำปาง
- ห้องที่ 10 รถม้าพาม่วน (Lampang on a Carriage): เพลิดเพลินไปกับรถม้าลำปางและการนั่งชมเมืองไปยังสถานที่สำคัญต่าง ๆ
- ห้องที่ 11 วัดพม่าหน้าตาอินเตอร์ (Myanmar Temples, International Style): เปิดประวัติศาสตร์วัดพม่าผสมศิลปะตะวันตกในลำปางที่สร้างโดยพ่อค้าชาวพม่า
- ห้องที่ 12 พอดีพองาม อารามลำปาง (Simple Temple of Lampang): สัมผัสความเรียบง่ายของวัดในลำปางที่สะท้อนภูมิประเทศและวัฒนธรรม
- ห้องที่ 13 คมปัญญา (Wisdoms of Lampang): รู้จักภูมิปัญญาดั้งเดิมด้านศาสตร์และศิลป์ของชาวลำปาง
- ห้องที่ 14 ซับป๊ะเสียงสำเนียงลำปาง (Dialects of Lampang): ชมเอกลักษณ์ภาษาของชาวลำปางที่ไม่เหมือนใคร
- ห้องที่ 15 ลำปางมีดีเมืองนี้ห้ามพลาด (Tourism in Lampang): รวมของดีของลำปาง รวมถึงของที่ระลึกและสินค้าเฉพาะของเมือง
- ห้องที่ 16 เนี๊ยะ…ลำปาง (This is Lampang): สรุปความประทับใจจากการเยี่ยมชม พร้อมสะท้อนความรู้สึกต่อเมือง
ถ้าใครอยากสัมผัสมนต์เสน่ห์ของลำปางแบบลึกซึ้ง รับรองว่ามิวเซียมลำปางจะทำให้ได้เห็นเสน่ห์อันแท้จริงของเมืองนี้อย่างเต็มตา
ที่อยู่: ถนนไปรษณีย์ ตำบลสวนดอก อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง 52100
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/68v44ge3U8Z27Vvf8
เปิดให้เข้าชม: วันอังคาร – วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 – 17.00 น. (ปิดวันจันทร์)
17. สะพานรัษฎาภิเศก (Ratsada Phisek Bridge)
สะพานรัษฎาภิเศกหรือสะพานขาว แลนด์มาร์กชื่อดังแห่งลำปาง ชมความงดงามของสะพานโค้งคันธนู 4 โค้งที่ทอดข้ามแม่น้ำวังอย่างสง่างามมาเป็นเวลากว่า 100 ปี สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 และเคยผ่านสงครามโลกมาแล้วถึงสองครั้ง
ปัจจุบันยังคงมีการประดับสัญลักษณ์พิเศษบนสะพาน อย่างเสาครุฑสีแดงเพื่อระลึกถึงรัชกาลที่ 6 และรูปไก่ขาวซึ่งเป็นเอกลักษณ์คู่เมืองลำปางที่ต้องมาเยือน โดยเป็นอีกจุดถ่ายรูปยอดนิยมสำหรับเอาไว้โพส์ตลงโซเชียลได้อีกด้วย
ที่อยู่: สะพานรัษฎาภิเศก ถนนรัษฎา ตำบลหัวเวียง อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/utX1KYqbzDKjpKfw7
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
18. กาดกองต้า (Kad Kongta)
เดินเล่นตลาดกาดกองต้าในตัวเมืองลำปาง ตลาดกลางคืนที่เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ตั้งแต่ช่วงสี่โมงถึงสามทุ่ม ที่นี่เต็มไปด้วยของกินพื้นเมืองอร่อย ๆ ทั้งลูกชิ้นปู่โย่ง หมูย่าง และขนมท้องถิ่นมากมาย พร้อมเพลิดเพลินกับการชอปปิงของฝากพื้นบ้านอย่างผ้าทอและผ้าพื้นเมือง
เดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศอาคารเก่าริมแม่น้ำวังที่ดัดแปลงเป็นร้านค้า พร้อมชมงานกราฟฟิตี้สีสันสดใสบนผนังตึกพร้อมฟังดนตรีพื้นเมืองล้านนาที่ทำให้กาดกองต้านั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวที่ควรมาเยือนหากได้มาเที่ยวลำปาง
ที่อยู่: ถนนตลาดเก่า ตำบลสวนดอก อำเภอเมืองลำปาง ลำปาง 52100
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/VXj4Z5HroYkLNNYSA
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 16.00 – 21.00 น.
19. ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย (Thai Elephant Conservation Center)
ค้นพบประสบการณ์สุดพิเศษที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย เพลิดเพลินกับกิจกรรมหลากหลายที่จะทำให้ ใกล้ชิดกับช้างตั้งแต่การชมช้างอาบน้ำ การสาธิตการทำไม้ด้วยช้าง การวาดภาพโดยช้าง ไปจนถึงการขี่ช้างท่ามกลางธรรมชาติ หรือจะลองจิบชาชมช้างที่ช้างจะเดินมาหาให้ได้ถ่ายรูปกันแบบใกล้ ๆ
นอกจากนี้ ยังสามารถนั่งรถไปยังห้วยสุพรรณเพื่อชมช้างโขลงหลาย ๆ ตัวที่ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ พร้อมลูกช้างน้อยและการอาบน้ำของโขลงช้างในธรรมชาติ เป็นกิจกรรมที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากสัมผัสชีวิตช้างแบบใกล้ชิด
ที่อยู่: 272 หมู่ที่ 6 ตำบลเวียงตาล อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://goo.gl/maps/nkdpaLsfQR5z9s9k8
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 08.30-15.30 น.
ค่าเข้าชม: ค่าธรรมเนียมเข้าชม
– ชาวต่างชาติ: ผู้ใหญ่ 200 บาท | เด็ก 150 บาท
– ชาวไทย: ผู้ใหญ่ 100 บาท | เด็ก 50 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/elephantcenter/
20. สถานีรถไฟลำปาง (Nakhon Lampang Railway Station)
แวะถ่ายรูปที่สถานีรถไฟนครลำปาง สถานีคลาสสิกอายุกว่าร้อยปีที่สะท้อนเสน่ห์ล้านนาและยุโรปผ่านโครงสร้างอาคารสไตล์บาวาเรียนคอทเทจได้อย่างลงตัว ด้านหน้ามีรถจักรไอน้ำโบราณที่จอดต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้เช็กอินเก็บภาพสวย ๆ ที่นี่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ตลอดทางเดินชานชาลาและยังมีมุมไก่ขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองลำปางให้ชมอีกด้วย
ที่อยู่: ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง
พิกัด: https://goo.gl/maps/c1cWYwFoyGLwieGN9
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
เปิดโลกการท่องเที่ยวจังหวัดลำปางเพิ่มเติม!
- มัดรวม 10 วัดดังเมืองลำปางที่ต้องไปมูสักครั้ง เที่ยวเสริมบุญสุดปัง!
- เที่ยวลำปาง หน้าหนาว คนเดียวก็เฟี้ยวได้
- เที่ยวลำปาง หน้าฝน แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีต่อใจ
ทั้งหมดนี้ คือ 20 สถานที่ท่องเที่ยวสุดพิเศษในลำปางที่รวมทุกเสน่ห์ของเมือง ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมล้านนาที่หาชมได้ยาก สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างน้ำตก เขื่อน และจุดชมวิวที่สวยงาม รวมถึงแหล่งเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ท้องถิ่นอย่างแท้จริง
สัมผัสกลิ่นอายบรรยากาศย้อนยุคเมืองล้านนาที่ลำปาง ด้วยเที่ยวบินตรงจาก Bangkok Airways
เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวลำปางแบบเต็มอิ่ม พักผ่อนสไตล์สโลว์ไลฟ์ ดื่มด่ำบรรยากาศเมืองล้านนาสุดประทับใจไม่รู้ลืม เพื่อให้การเดินทางไปลำปางเป็นประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบ สามารถเลือกจองเที่ยวบินตรงกับ Bangkok Airways ที่มาพร้อมบริการพิเศษครบครันตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น
- บริการห้องรับรองสำหรับผู้โดยสารทุกท่าน
- น้ำหนักโหลดกระเป๋าท่านละ 20 กิโลกรัม
- การเลือกที่นั่งบนเที่ยวบิน
- บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน