คู่มือเที่ยวเชียงใหม่ หนีกรุงไปพักใจในจุดหมายยอดฮิต ปี 2568

Bangkok Airways สรุปให้

• เชียงใหม่เป็นจังหวัดใหญ่อันดับ 1 ของไทย และกว่า 80% ของพื้นที่เป็นภูเขา จึงมีอากาศเย็นสบาย เหมาะกับการขึ้นดอยชมทะเลหมอกและดอกไม้เมืองหนาวบานสะพรั่ง โดยเฉพาะจุดชมวิวชื่อดังอย่าง ดอยหลวงเชียงดาว ดอยแม่ตะมาน และกิ่วฝิ่น ที่มองเห็นทิวเขาซ้อนชั้นงดงามตลอดปี
• นอกจากขึ้นดอยชมทะเลหมอกแล้ว เชียงใหม่ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์หลากหลาย ทั้งวัฒนธรรมล้านนาที่วัดศรีสุพรรณและวัดอุโมงค์ ธรรมชาติสดชื่นที่น้ำตกบัวตองและน้ำพุเจ็ดสี กิจกรรมลุยสนุกที่ Pongyang Jungle Coaster & Zipline ไปจนถึงชุมชนท้องถิ่นอบอุ่นอย่างบ้านไร่กองขิงและบ้านปางมะโอ ให้ได้เรียนรู้วิถีชีวิตและพักใจใกล้ธรรมชาติ

เชียงใหม่ จุดหมายที่ผสานเสน่ห์เมืองเก่า ธรรมชาติ และวิถีชีวิตเรียบง่ายได้อย่างลงตัว ทำให้เชียงใหม่น่าเที่ยวตลอดทั้งปี Bangkok Airways คัดสรร 15 ที่เที่ยวเชียงใหม่ยอดฮิตที่ไม่ควรพลาดในปี 2568 ครบทั้งเส้นทางธรรมชาติ วิถีสโลว์ไลฟ์ วัดดังสายมู กิจกรรมสุดแอดเวนเจอร์ ไปจนถึงมุมพักใจแบบ Wellness Tourism ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของนักเดินทาง

ที่เที่ยวชมความงามแห่งธรรมชาติสุดโรแมนติกของเชียงใหม่

1. ดอยหลวงเชียงดาว

ลุยเส้นทางดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ยอดดอยสูงอันดับ 3 ของไทยบนความสูงกว่า 2,195 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และเป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งที่ 5 ของไทย ซึ่งประกาศโดย UNESCO ในปี 2021 ที่เต็มไปด้วยพืชพรรณและสิ่งมีชีวิตหายาก หากโชคดีอาจมีโอกาสได้พบเลียงผา เสือลายเมฆ และค่างแว่นถิ่นเหนือ โดยเส้นทางเดินป่ามี 2 เส้นทางหลัก ก่อนจะมาบรรจบกันที่ปางวัว จุดพักกลางป่าที่รายล้อมด้วยความเงียบสงบของธรรมชาติ

• ปางวัว – ดอยอ่างสลุง ระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ทางชันเป็นช่วง ๆ ต้องก้าวเดินด้วยความระมัดระวัง
• เด่นหญ้าขัด – ดอยอ่างสลุง ระยะราว 8.5 กิโลเมตร ต้องนั่งรถเข้าไปยังจุดเริ่มต้น เส้นทางราบสลับชัน เดินเพลิน ๆ พร้อมลมเย็นพัดผ่านใบหญ้า

จากลานกางเต็นท์ เดินต่ออีก 30-40 นาที จะถึงยอดดอยหลวง ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกในยามเช้าที่สวยมาก ๆ รวมทั้งหมดไปและกลับประมาณ 17 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 3-5 ชั่วโมง โดยดอยหลวงเชียงดาวจะเปิดให้เดินป่าเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม ของทุกปี

สำหรับสายรักธรรมชาติ สายคอนเทนต์ หรือใครที่กำลังตามหามุมเช็คอินสุดปัง ต้องไม่พลาด 3 ไฮไลต์หลักของดอยหลวงเชียงดาวที่คุณต้องแวะไปให้ได้สักครั้ง

• ยอดดอยหลวงเชียงดาว จุดพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอก หากไปในช่วงปลายธันวาคม-ต้นมกราคมอาจได้พบเหมยขาบหรือแม่คะนิ้งเกาะพราวบนยอดหญ้า
• ทางหลวง 107 บายพาสเชียงดาว ที่มีวิวดอยหลวงตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง
• ดอยอ่างสลุง ลานกางเต็นท์ที่ยามค่ำคืนจะเห็นทะเลดาวระยิบระยับเหนือศีรษะ 

2. ดอยแม่ตะมาน

ดอยแม่ตะมาน เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเล็ก ๆ หนึ่งในนั้นคือ “บ้านสันป่าเกี๊ยะ” และยังเป็นที่ตั้งของหน่วยงานสำคัญ 2 แห่ง ทั้งสถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน ซึ่งต่างก็เป็นมุมชมวิวดอยหลวงเชียงดาวที่โรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงใหม่

อีกหนึ่งมุมที่อบอวลด้วยความเย็นสบายทั้งปีที่ “สถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะ” ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,500 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 19 องศาเซลเซียส เป็นทั้งแหล่งศึกษาธรรมชาติและพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพของเทือกเขาดอยหลวงเชียงดาว 

ข้อควรรู้: ที่สถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะมีไฟฟ้าให้ใช้ระหว่างเวลา 18.00-22.00 น. เท่านั้น จึงอย่าลืมเตรียมไฟฉายและแบตสำรองติดกระเป๋าไว้เสมอ

3. น้ำตกบัวตอง

น้ำตกบัวตอง หนึ่งในน้ำตกที่มีเสน่ห์ในภาคเหนือ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกบัวตอง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ สะท้อนความงามกว่า 4 ชั้นด้วยน้ำใสไหลผ่านชั้นหินปูนสีอ่อนซ้อนทับกันหลายชั้น ไฮไลต์คือการไต่น้ำตกขึ้นไปตามชั้นต่าง ๆ เกาะราวไม้ปีนขึ้น ลุยน้ำเย็นฉ่ำที่ไหลผ่านบางช่วงสูงชันก็เปลี่ยนมาใช้เชือกช่วยไต่เพิ่มจังหวะความมันส์ ทั้งตื่นเต้นและสดชื่น

ภายในพื้นที่เดียวกัน ถัดจากน้ำตกบัวตองไปประมาณ 100 เมตร จะเจอน้ำพุเจ็ดสี บ่อน้ำพุเย็นขนาดประมาณ 6 × 8 เมตร ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางพรรณไม้เขียวชอุ่ม น้ำในบ่อใสจนมองเห็นพื้นด้านล่าง และเมื่อมีแดดสะท้อนแสงผ่านจะเห็นน้ำในบ่อไล่เฉดเป็นสีมรกตงดงาม

ที่เที่ยวดื่มด่ำวิถีสโลว์ไลฟ์ในชุมชนอบอุ่นของเชียงใหม่

4. แม่กำปอง

แม่กำปอง หมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางหุบเขาของเชียงใหม่ ชุมชนเก่าแก่กว่า 100 ปี ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 50 กิโลเมตร ตามแนวลำธารจะพบดอกไม้สีเหลืองและแดงบานสะพรั่ง ชื่อว่า “ดอกกำปอง” จึงกลายเป็นชื่อเรียกของหมู่บ้านที่สะท้อนวิถีธรรมชาติ

แม่กำปองถูกโอบล้อมด้วยป่าเขาเขียวชอุ่ม ทำให้อากาศเย็นสบายตลอดปี เป็นหมู่บ้านที่เหมาะกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยเฉพาะหน้าหนาวที่ม่านหมอกบางลอยคลอหุบเขา โดยมีเสน่ห์หลากหลายที่ชวนให้ทุกคนอยากมาพักที่นี่นาน ๆ อาทิ

• เดินศึกษาธรรมชาติ ชมเส้นทางป่าที่อุดมสมบูรณ์
• เล่นน้ำเย็น ๆ ที่น้ำตกแม่กำปอง ให้หัวใจสดชื่นชุ่มฉ่ำ
• พักโฮมสเตย์สักคืน นอนฟังเสียงลำธาร และอาจได้ชมทางช้างเผือกพาดผ่านท้องฟ้า

ส่วนไฮไลต์สำคัญต้องไม่พลาด “กิ่วฝิ่น” จุดชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดของแม่กำปอง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน บริเวณรอยต่อเชียงใหม่และลำปาง ห่างจากแม่กำปองเพียง 4 กิโลเมตร บนยอดดอยสูงราว 1,517 เมตร ที่สามารถชมวิวได้รอบตัวแบบ 360 องศา ที่นี่มีลานกางเต็นท์ให้พักผ่อนกลางธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม โดยเฉพาะฤดูหนาว ระหว่างกลางเดือนตุลาคม-กลางเดือนกุมภาพันธ์ ในช่วงเช้าเวลาประมาณ 05.00-07.00 น. จะได้เห็นทะเลหมอกหนานุ่มลอยแทรกตามสันเขา

สำหรับใครที่มีแพลนเที่ยวแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่ สามารถชมบรรยากาศและเก็บพิกัดเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ คู่มือเที่ยวแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่ ชมความโรแมนติกแห่งธรรมชาติ

5. ชุมชนวัดศรีสุพรรณ

หนึ่งในแลนด์มาร์กที่สายโลคอลไม่ควรพลาดเมื่อมาเชียงใหม่ คือ “วัดศรีสุพรรณ” วัดเก่าแก่กว่า 500 ปี ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนช่างฝีมือเครื่องเงินที่โด่งดังที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ มีไฮไลต์โดดเด่นคือ อุโบสถเงินหลังแรกของโลกที่สร้างอย่างประณีตด้วยงานดุนลายเงินและอลูมิเนียมงดงาม ภายในประดิษฐาน “พระเจ้าเจ็ดตื้อ” พระพุทธรูปปางมารวิชัยเนื้อทองสำริดอันศักดิ์สิทธิ์ รวมถึง  “ท้าวเวสสุวรรณเงินคู่” ที่สะท้อนอัตลักษณ์ชุมชนช่างเงินล้านนา และยังมีองค์พระพิฆเนศ ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กประดิษฐานอยู่หลายจุดทั่ววัด

ภายในวัดยังมีศูนย์ศึกษาศิลปะไทยโบราณ “สล่าสิบหมู่ล้านนา” เป็นศูนย์ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น เปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสงานหัตถกรรมเครื่องเงินตั้งแต่กระบวนการสร้างไปจนถึงการจัดจำหน่ายในรูปแบบสหกรณ์

นอกจากนี้ชุมชนวัดศรีสุพรรณยังรวมประสบการณ์วัฒนธรรมล้านนาแบบครบ ทั้งศิลปะ หัตถกรรม และการบำบัดด้วยธรรมชาติ ผ่านกิจกรรมหลากหลายให้เลือกสัมผัสอย่างเต็มอิ่ม เช่น สืบชะตาล้านนา DIY เจดีย์ศรีสุพรรณ การดูแลสุขภาพองค์รวม โดยแพทย์แผนไทย ตอดเส้น เค้นคลายให้หายเมื่อย ยาดมทองน้ำหนึ่ง และ 347 สมาธิบำบัดชีวีมีสุข

6. ชุมชนบ้านป่าตาล

สัมผัสวิถีชีวิตฉบับชาวยองที่ “ชุมชนบ้านป่าตาล” ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ วิถีชีวิต และภูมิปัญญาพื้นบ้านไว้ มีศูนย์กลางอยู่ที่ “ใจ๋บ้าน” สัญลักษณ์ของการตั้งชุมชนไทลื้อที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน เป็นพื้นที่ศูนย์กลางให้ชาวบ้านมากราบไหว้ ทำพิธีกรรม และจัดงานสืบชะตาในวันปีใหม่ อีกหนึ่งมุมที่ไม่ควรพลาดคือ “ขัวแตะ” สะพานไม้ไผ่ทอดยาวกลางทุ่งนาเขียวขจี จุดชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่สวยงาม

ยามเช้าแนะนำให้แวะ “วัดป่าตาล” ศูนย์กลางการเรียนรู้และฝึกวิชาชีพของชุมชน ทั้งงานหัตถกรรม งานสมุนไพร หรือภูมิปัญญาท้องถิ่นต่าง ๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรพื้นบ้านจำหน่าย เช่น น้ำมันเหลืองคลายเส้น น้ำมันตะไคร้หอม และขี้ผึ้งไพล รวมถึงในชุมชนบ้านป่าตาลยังมีงานฝีมือหลากหลายที่น่าสนใจ ตั้งแต่การทอผ้า งานผ้าฝ้าย งานกระดาษสา ไปจนถึงจักสานก่องข้าวเหนียวจากใบตาล และที่ “เฮือนเจ้นขุน” ยังมีการทำหมวกกะโล่จากกระดาษสา งานแฮนด์เมดที่หาชมได้ยากในปัจจุบันอีกด้วย

ที่เที่ยวสักการะวัดดัง เสริมสิริมงคลของเชียงใหม่

7. วัดพระธาตุดอยคำ

สำหรับสายมูที่อยากเสริมสิริมงคลเมื่อมาเชียงใหม่ ต้องไม่พลาด “วัดพระธาตุดอยคำ” วัดเก่าแก่กว่า 1,300 ปี ตั้งอยู่บนดอยคำด้านหลังอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตร ทางขึ้นเป็นบันไดประมาณ 1.5 กิโลเมตร ระหว่างทางมีจุดชมวิวให้พักและชมทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่แบบกว้างไกล โดยเฉพาะวิวอุทยานหลวงราชพฤกษ์ที่สวยงามด้านล่าง

เมื่อขึ้นด้านบนให้สักการะ “หลวงพ่อพูดได้” พระพุทธรูปกลางแจ้งองค์ใหญ่ปางขัดสมาธิเพชรแบบเชียงแสน และ “พระธาตุดอยคำ” พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รวมถึงเป็นที่ประดิษฐาน “พระเจ้าทันใจ” อายุกว่า 500 ปี ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องการขอพรให้สมหวัง เมื่อคำอธิษฐานสัมฤทธิผล ผู้คนก็มักกลับมาถวายดอกมะลิแก้บนตามความเชื่อที่สืบทอดกันมายาวนาน

8. วัดโลกโมฬี

วัดโลกโมฬี บนถนนมณีนพรัตน์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นวัดเก่าแก่ทรงคุณค่าแบบล้านนา มีไฮไลต์เด่นที่พระวิหารไม้แกะสลักลวดลายโบราณ ภายในประดิษฐาน “พระพุทธสันติจิรบรมโลกนาถ” พระพุทธรูปปางสมาธิ และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนพระเมาลีขององค์พระ ในช่วงปีใหม่ บริเวณพระธาตุของวัดจะมีการสรงน้ำพระธาตุด้วยการชักรอกหงส์สีทอง รวมถึงการก่อเจดีย์ทรายและปักตุงล้านนาเพื่อความเป็นสิริมงคล

นอกจากความงดงามทางศิลปะ วัดโลกโมฬียังเป็นที่รู้จักในหมู่คู่รักที่ต้องการมาสักการะ “พระนางจิรประภาฯ” กษัตริยาแห่งล้านนา ผู้มากับคำร่ำลือเรื่องพรความรัก ให้ความสัมพันธ์ราบรื่น ยืนยาว ไร้อุปสรรค คนโสดขอคู่ก็สมหวัง คนแต่งงานมาขอลูกก็มักได้ดั่งตั้งใจ

9. วัดอุโมงค์

วัดอุโมงค์หรือสวนพุทธธรรม เป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่และลึกลับที่สุดของเชียงใหม่ อายุประมาณ 700 ปี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง บริเวณเชิงดอยสุเทพ ลักษณะเป็นอุโมงค์โบราณหลายช่องทางเดินที่เชื่อมถึงกัน สร้างขึ้นเพื่อให้พระภิกษุใช้เป็นสถานที่เจริญสมาธิ ภายในยังปรากฏภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังที่เชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเชียงใหม่

โดยด้านบนมีเจดีย์ประธานทรงระฆังแบบลังกา ตั้งตระหง่านบนฐานประดับลูกแก้วสามชั้นและแถวช่องสี่เหลี่ยมโดยรอบ ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบในศิลปะพุกามมาก่อน ทำให้วัดมีเอกลักษณ์ทั้งด้านประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม และจิตวิญญาณ

ที่เที่ยวสุดแอดเวนเจอร์ในเชียงใหม่ สำหรับสายแอคทีฟ

10. Pongyang Jungle Coaster & Zipline

สายลุยที่มาเชียงใหม่แล้วไม่แวะ Pongyang Jungle Coaster & Zipline อำเภอแม่ริม ถือว่าพลาดเพราะที่นี่คือสวรรค์ของคนรักความตื่นเต้น ไฮไลต์เด่นคือจังเกิ้ลโคสเตอร์ รถรางไฟฟ้าแห่งแรกของไทย ความยาวกว่า 880 เมตร พุ่งลัดเลาะแนวป่าเขาด้วยความเร็วสูงสุด 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยิ่งถ้าเล่นช่วงค่ำ แสงสีตามรางไฟจะเปลี่ยนป่าให้กลายเป็นลู่วิ่งสุดแฟนตาซี แถมยังมีอีกหลายกิจกรรมให้ปลดปล่อยความมันส์แบบเต็มสตีม อาทิ

• ซิปไลน์ โหนสลิงกลางป่ากว่า 34 สถานี ระยะไกลสุดกว่า 250 เมตร
• จังเกิ้ลไบค์ ปั่นจักรยานบนสลิงเส้นเดียวกลางอากาศ ท้าทายสมดุลขั้นสุด
• ฟลาย ไลน์ ลอยตัวเหนือผืนดินบนระยะทางความยาวกว่า 240 เมตร

โดยแพ็กเกจให้เลือกหลากหลาย เริ่มต้นเพียง 300 บาท สำหรับเลือกเล่นเฉพาะกิจกรรมแต่ละอย่าง และแพ็กเกจรวมแบบจัดเต็มสูงสุด 2,750 บาท ที่รวมซิปไลน์ครบ 36 ฐาน พร้อมกิจกรรมแน่น ๆ อาทิ จังเกิ้ลโคสเตอร์ ควิกจัมป์ ชิงช้ายักษ์ไจแอนต์สวิงจักรยานจังเกิ้ลไบค์กลางอากาศ กาแฟและเค้ก อาหารไทยจานเดี่ยว และเสื้อยืด

11. Balloon Clubhouse

สัมผัสอากาศเย็นยามเช้า พร้อมแตะเส้นขอบฟ้าบนมุมสูงแบบ 360 องศา ของเชียงใหม่ที่ Balloon Clubhouse ดื่มด่ำความงามของพระอาทิตย์ขึ้นเหนือผืนนาเขียวกว้างของ Horizon Village and Resort เรียงรายด้วยหมอกบางลอยคลอหุบเขา โดยสามารถเลือกบินแบบบอลลูนส่วนตัวหรือบินแบบกลุ่ม โดยราคาเริ่มต้นเพียง 8,800 บาท ก็พาคุณลอยขึ้นสู่ฟ้าเปิดประสบการณ์ใหม่ของเชียงใหม่

12. แกรนด์แคนยอน หางดง

จากแอ่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยคันดินสูงกว่า 20 เมตรคล้ายผาน้ำขนาดย่อม ปัจจุบันแกรนด์แคนยอนเชียงใหม่ ได้พัฒนาเป็นสวนน้ำกลางแจ้งแห่งเดียวของภาคเหนือ บนพื้นที่กว่า 35 ไร่ จัดเต็มด้วยเครื่องเล่นลอยน้ำสุดมันส์ สไลเดอร์ยักษ์สูงกว่า 10 เมตร สวนน้ำเด็ก แทรมโพลีนลอยน้ำ และจิงโจ้น้ำสุดสนุก 

ไฮไลต์สำคัญคือ ซิปไลน์ 3 สเตชั่น ยาวกว่า 400 เมตร พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยสูง โดยใช้อุปกรณ์ Safety Petzl จากสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีโซนเวคบอร์ดระบบเคเบิล สำหรับสายเอ็กซ์ตรีมที่อยากท้าทายตัวเองบนผิวน้ำ

ค่าบริการ

• บัตรสวนน้ำ พร้อมเวคบอร์ด 1,400 บาท (ปกติ 1,500 บาท)
• ผู้ใหญ่ 950 บาท/ท่าน
• เด็กสูง 90-120 ซม. 750 บาท/ท่าน
• เด็กสูงต่ำกว่า 90 ซม. เข้าฟรี

ที่เที่ยวรีบาลานซ์ชีวิต สไตล์ Wellness Tourism ในเชียงใหม่

13. บ้านไร่กองขิง

รีบาลานซ์ชีวิตกันที่ “บ้านไร่กองขิง” หมู่บ้านเล็ก ๆ ในอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีแห่งความเรียบง่ายใกล้ชิดชุมชนและธรรมชาติ ผ่านกิจกรรมสุขภาพหลากหลาย ทั้งเก็บผักปลอดสารตามฤดูกาล ปั่นจักรยานผ่านอุโมงค์ต้นไม้ในสวนพฤกษศาสตร์                แม่เหียะ ผ่อนคลายด้วย “ย่ำขาง” ภูมิปัญญาล้านนา บริการสปาสมุนไพรที่สุขสยาม

รวมถึงไหว้พระที่ “วัดต้นเกว๋น” ชมศาลาจตุรมุขล้านนาอันงดงาม ซึ่งเป็นทั้งโบราณสถานสำคัญและโลเคชันถ่ายละครชื่อดัง เช่น รอยไหม รากนครา และกลิ่นกาสะลอง เหมาะกับการสวมชุดไทยล้านนาไปเก็บภาพสวยตามรอยละคร

14. บ้านปางมะโอ แม่แตง

สำหรับใครที่อยากลองโซเชียลดีท็อกซ์ สามารถไปสัมผัสชีวิตแบบเรียบง่ายที่ บ้านปางมะโอ หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขาในอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ไฮไลต์อยู่ที่โฮมสเตย์วิวนาขั้นบันได  ที่เขียวขจีในช่วงฤดูฝนและเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามในช่วงปลายฝนต้นหนาว พร้อมได้ชิมเมนูพื้นบ้านจากวัตถุดิบในชุมชน เช่น ผักสดจากสวน ไก่บ้าน และข้าวหอมจากนา

หมู่บ้านนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์และไฟฟ้า ใช้เพียงพลังงานแสงอาทิตย์หรือโคมไฟยามค่ำคืน ทำให้ได้พักใจจากโลกออนไลน์ พร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศและอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มที่

15. น้ำพุร้อนสันกำแพง

ใครอยากแช่น้ำร้อนผ่อนคลายทั้งกายและใจ อย่าลืมแวะ “น้ำพุร้อนสันกำแพง” ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านสหกรณ์ อำเภอแม่ออน บรรยากาศร่มรื่น รายล้อมด้วยสวนดอกดัลเบิร์กเดซี่สวยงาม ไฮไลต์อยู่ที่น้ำพุร้อนแบบไกเซอร์ที่พุ่งขึ้นจากใต้ดินสูงกว่า 15 เมตร และมีอุณหภูมิสูงกว่า 100 องศาเซลเซียส

นักท่องเที่ยวสามารถนั่งแช่เท้าคลายเมื่อย พร้อมเติมพลังด้วยไข่ต้มที่ต้มในบ่อน้ำพุร้อนหรือเลือกใช้บริการห้องอาบน้ำแร่เดี่ยว อ่างอาบน้ำเฉพาะกลุ่ม รวมถึงบ่อแช่เท้า และร้านอาหาร ครบสำหรับการพักผ่อนแบบสบาย ๆ

อัตราค่าบริการ

• ค่าเข้าชม สำหรับคนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท และเด็ก 20 บาท
• ห้องอาบน้ำแร่เดี่ยว 65 บาท ต่อ 20 นาที
• สระอาบน้ำรวม สำหรับคนไทย ผู้ใหญ่ 55 บาท และเด็ก 35 บาท 
• อ่างอาบน้ำเฉพาะกลุ่ม (ไม่เกิน 10 คน) 500 บาท ต่อชั่วโมง

จัดทริปเส้นทางท่องเที่ยวเชียงใหม่ แนะนำ 3 วัน 2 คืน และ 5 วัน 4 คืน

สำหรับใครที่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นจัดทริปยังไงดี Bangkok Airways มีตัวอย่างทริปเที่ยวเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน และ 5 วัน 4 คืน สามารถเอาไปเป็นไอเดียและปรับตามต้องการได้ ดังนี้

3 วัน 2 คืน: เที่ยวเมือง ขึ้นดอย สัมผัสธรรมชาติ

• วันที่ 1 เริ่มต้นทริปด้วยการเดินชมวัดเก่าแก่ในตัวเมืองเชียงใหม่ ตั้งแต่วัดศรีสุพรรณ ไปจนถึงวัดโลกโมฬี ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการขอพรความรัก จากนั้นแวะวัดอุโมงค์ท่ามกลางสวนพุทธธรรมร่มรื่น ก่อนเดินเล่นย่านนิมมานฯ หาคาเฟ่นั่งสบาย ๆ
• วันที่ 2 ขึ้นดอยสัมผัสสายหมอกและขุนเขา ออกเดินทางสู่ดอยแม่ตะมาน ชมหมู่บ้านสันป่าเกี๊ยะและเส้นทางธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยป่าสีเขียว แวะจุดชมวิวหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมานที่โรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ และเดินเล่นในสถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะบนระดับความสูงกว่า 1,500 เมตร เพลินกับอากาศเย็นและพืชเมืองหนาว
• วันที่ 3 สนุกกับธรรมชาติใกล้เมืองก่อนกลับ แวะน้ำตกบัวตองและน้ำพุเจ็ดสี ไต่หินปูนกลางสายน้ำใส แล้วขับต่อไปยังชุมชนบ้านป่าตาล เดินเล่นขัวแตะกลางนาและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรท้องถิ่น ก่อนกลับเข้าสู่ตัวเมือง

5 วัน 4 คืน: เพิ่มกิจกรรมธรรมชาติ / เยี่ยมชุมชน

• วันที่ 1 ออกเดินทางสู่เชียงดาว และเข้าร่วมการอบรมด้านความปลอดภัย การอนุรักษ์ธรรมชาติ และข้อปฏิบัติในเขตสงวนชีวมณฑล พักผ่อนให้ร่างกายปรับตัว เตรียมพร้อมสำหรับการเดินป่าในวันต่อไป
• วันที่  2 เริ่มการเดินป่าจากเส้นทางปางวัวหรือเด่นหญ้าขัด ลัดเลาะผ่านผืนป่ากึ่งเขตร้อนที่เต็มไปด้วยพืชพรรณเฉพาะถิ่น ช่วงบ่ายถึงลานกางเต็นท์อ่างสลุง ท่ามกลางวิวสันเขางดงามและลมเย็นจากยอดดอย
• วันที่ 3 ตื่นเช้าขึ้นสู่ยอดดอยหลวงในเวลา 30-40 นาที เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นเหนือทะเลหมอก ก่อนค่อย ๆ เดินลงตามเส้นทางเดิมกลับสู่ฐานรับส่ง เป็นวันที่ได้สัมผัสเสน่ห์ของธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม
• วันที่ 4 หลังลงดอย พักร่างกายสักคืนแล้วมุ่งหน้าสู่แม่ริม ก่อนเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยการชมวิวมุมสูงสุดโรแมนติกที่ Balloon Clubhouse ท่ามกลางแสงอ่อนของยามเช้า จากนั้นออกเดินทางต่อไปยัง Pongyang Jungle Coaster & Zipline เพื่อเติมสีสันให้วันด้วยกิจกรรมสนุก ๆ ทั้งโคสเตอร์ ซิปไลน์ และจักรยานลอยฟ้า
• วันที่ 5 เยี่ยมชุมชนและผ่อนคลายก่อนกลับที่บ้านไร่กองขิงทำกิจกรรมเชิงสุขภาพ จากนั้นขับต่อไปยังบ้านปางมะโอ ก่อนปิดทริปอย่างผ่อนคลายที่น้ำพุร้อนสันกำแพง

เชียงใหม่ เมืองเหนือที่สัมผัสเสน่ห์ได้ตลอดปี

เชียงใหม่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงยอดนิยมที่สุดคือ ปลายฝนถึงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย เห็นทะเลหมอกชัด และดอกไม้เมืองหนาวบานสะพรั่งที่สุด

• ฤดูหนาว ระหว่างเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์: ไฮไลต์ของการเที่ยวภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาวจัด โดยเฉพาะการขึ้นดอยชมทะเลหมอกและแสงแรกของวัน เช่น ดอยหลวงเชียงดาว ดอยแม่ตะมาน หากโชคดีอาจพบแม่คะนิ้งหรือเหมยขาบ บนยอดหญ้าตอนเช้าได้ด้วย
• ฤดูฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน: ภูเขาและต้นไม้เขียวชอุ่ม อากาศชุ่มฉ่ำ คนไม่พลุกพล่าน เหมาะกับการเที่ยวธรรมชาติใกล้เมืองเชียงใหม่ เช่น น้ำตกบัวตอง น้ำพุเจ็ดสี เดินชมชุมชนบ้านป่าตาล และพักสบาย ๆ ท่ามกลางทุ่งนาอย่างบ้านไร่กองขิง หรือบ้านปางมะโอที่มีนาขั้นบันไดเขียวขจี
• ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม: เหมาะกับกิจกรรมคลายร้อนและผจญภัยอย่างปลอดภัย ทำกิจกรรมสนุก ๆ คลายร้อน เช่น เล่นน้ำและสไลเดอร์ที่แกรนด์แคนยอนเชียงใหม่ หรือสนุกกับกิจกรรมแอดเวนเจอร์อย่าง Pongyang Jungle Coaster & Zipline ช่วงเช้าหรือเย็นจะเหมาะที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงอากาศร้อนจัด

รวมคำถาม-คำตอบเกี่ยวกับเที่ยวเชียงใหม่

โอบกอดความโรแมนติกแห่งธรรมชาติที่เชียงใหม่เพิ่มเติม ได้ที่นี่

• ที่เที่ยวดอยเชียงใหม่ สูดอากาศดี ๆ รับพลังบวก ให้ใจฟู
• ที่เที่ยวดอยอินทนนท์ ยอดเขาสูงสุดในไทย เช็กอินทุกจุดไฮไลต์
• รวมวัดเชียงใหม่ แวะไหว้พระ ชมวัดสวย สายบุญไม่ควรพลาด
• คู่มือเที่ยวพระธาตุดอยสุเทพ วัดคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่
• คู่มือเที่ยวม่อนแจ่ม เชียงใหม่ ที่เที่ยว ไฮไลต์ และมุมถ่ายรูปสุดชิค

บินไปกับ Bangkok Airways ปล่อยกายไปพักใจที่เชียงใหม่ได้ทุกช่วงเวลา

ปล่อยกายและเปิดใจให้ตัวเองได้พักในมุมที่บอกรักตัวเองได้เต็มที่ ณ เชียงใหม่ เดินทางสะดวกด้วยเที่ยวบินตรงสู่เชียงใหม่ โดยสายการบิน Bangkok Airways ที่พร้อมดูแลทุกท่านด้วยบริการครบวงจร เพื่อสัมผัสความอุ่นใจได้ตลอดการเดินทาง

• บริการห้องรับรองสำหรับผู้โดยสารทุกท่าน
• น้ำหนักโหลดกระเป๋าท่านละ 20 กิโลกรัม
• การเลือกที่นั่งบนเที่ยวบิน
• บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน