Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

14 ที่เที่ยวหน้าฝน 2568 หน้าฝนเที่ยวไหนดี สดชื่น ชุ่มฉ่ำหัวใจ

14 ที่เที่ยวหน้าฝน 2568 หน้าฝนเที่ยวไหนดี สดชื่น ชุ่มฉ่ำหัวใจ
Table of Contents

Bangkok Airways สรุปให้

  • การเที่ยวหน้าฝนเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ทั้งความสดชื่นของธรรมชาติ บรรยากาศชุ่มฉ่ำที่เติมเต็มหัวใจ ฤดูฝนถือช่วงเวลาที่เหมาะกับการออกเดินทางไปสัมผัสความเขียวขจีและสายหมอก ท่ามกลางความเงียบสงบและผู้คนที่ไม่พลุกพล่าน
  • สิ่งที่ควรเตรียมเมื่อเที่ยวหน้าฝน คือ เช็กพยากรณ์อากาศล่วงหน้า เตรียมอุปกรณ์และของจำเป็น เลือกที่พักที่ปลอดภัย ไม่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และวางแผนสำรองเมื่อต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน เพื่อให้ทริปหน้าฝนสนุกและปลอดภัยตลอดการเดินทาง

การท่องเที่ยวช่วงหน้าฝน มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลไม่แพ้ฤดูไหน ๆ ทั้งความชุ่มฉ่ำของธรรมชาติ ความโรแมนติกท่ามกลางสายหมอก และต้นไม้สีเขียวชอุ่ม ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ควรลองสักครั้งในชีวิต Bangkok Airways ได้อัปเดต 14 สถานที่ท่องเที่ยวหน้าฝน ทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่จะพาไปโอบรับความสดชื่นให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ จะมีที่ไหนน่าไปบ้าง มาดูกันเลย

14 ที่เที่ยวหน้าฝนในไทยและต่างประเทศ สัมผัสเสน่ห์ที่แตกต่าง

1. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก

สถานที่เที่ยวหน้าฝน อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า พิษณุโลก

เที่ยวป่าหน้าฝนที่ “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” หนึ่งในจุดหมายปลายทางแสนสงบและชุ่มฉ่ำ ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย โอบล้อมด้วยเทือกเขา มีอากาศเย็นตลอดปี ภายในเต็มไปด้วยความหลากหลายทางธรณีวิทยาและภูมิประเทศ 

  • “ลานหินปุ่ม” ที่มีลักษณะคล้ายก้อนหินผุดขึ้นมาเป็นแนว
  • “ลานหินแตก” ที่เกิดจากรอยแยกของเปลือกโลก
  • “ผาชูธง” จุดชมวิวสุดคลาสสิกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์

ในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะเดือนสิงหาคม “น้ำตกหมันแดง” คือหนึ่งในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ไม่ควรพลาด ด้วยความสูง 9 ชั้น เส้นทางเดินเท้าระยะทางประมาณ 8.2 กิโลเมตร ผ่านป่าดิบชื้นที่ร่มรื่นและสดชื่นตลอดทาง ถูกใจสายลุยที่อยากสัมผัสความท้าทายกลางธรรมชาติหน้าฝน แนะนำให้แต่งกายมิดชิด สวมถุงกันทาก และพกสเปรย์กันแมลงให้พร้อม ก่อนออกไปผจญภัย

ทุ่งดอกกระดาษที่จะบานสะพรั่งช่วงปลายฝนถึงสิ้นสุดฤดูหนาว

ไฮไลต์สำคัญสำหรับใครที่เลือกกางเต็นท์พักค้างคืนที่ภูหินร่องกล้า คือ การได้ตื่นมาท่ามกลางม่านหมอกที่โอบกอด สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด หากโชคดียามค่ำคืนอาจได้ชมทางช้างเผือกที่พาดผ่านเหนือท้องฟ้า โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ดอกกุหลาบพันปีผลิดอกสีขาวบานสะพรั่งตามร่องลานหินแตก เติมกลิ่นอายโรแมนติกให้การเดินทาง

ดีลดี ๆ เพื่อทริปสุดพิเศษ

2. ภูหอ จังหวัดเลย

ที่เที่ยวหน้าฝน ภูหอ จังหวัดเลย

“ภูหอ” จังหวัดเลย กลายเป็นจุดหมายที่น่าหลงใหลสำหรับผู้ที่อยากเที่ยวหน้าฝน ด้วยลักษณะของยอดดอยที่ตัดตรงคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิของญี่ปุ่น จึงได้รับฉายาว่า “ฟูจิเมืองเลย”

 นอกจากนี้ ยังมี “บานาน่าแลนด์” แลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ใกล้ภูหอ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรนิเวศที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนอย่างใกล้ชิด ทั้งการลองทำนา ชมการปั่นฝ้ายและทอผ้าขาวม้า หรือนอนดูดาวในยามค่ำคืนที่เงียบสงบ ฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยว เพื่อสัมผัสความสดชื่นของธรรมชาติ และวิถีชีวิตเรียบง่ายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์

3. อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน – น้ำตกเกาฟุ – บ้านป่าเหมี้ยง จังหวัดลำปาง

ที่เที่ยวหน้าฝน อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง

“อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน” จังหวัดลำปาง จุดหมายที่ไม่ควรพลาดเมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ไฮไลต์ของที่นี่คือ “บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน” บ่อน้ำแร่ธรรมชาติที่มีไอน้ำลอยเหนือผิวน้ำในยามเช้า ท่ามกลางผืนป่าเขียวขจีร่มรื่น การได้แช่ออนเซนฤดูฝน อากาศกำลังดี ชวนให้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ อีกทั้งยังมีจุดให้ต้มไข่ในบ่อน้ำแร่ธรรมชาติที่อุณหภูมิสูงถึง 73 องศาเซลเซียส

อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคือ การเดินเท้าประมาณ 450 เมตร ไปชม “น้ำตกแจ้ซ้อน” น้ำตกหินธรรมชาติทั้งหมด 6 ชั้นที่เกิดจากลำน้ำแม่มอญ มีน้ำไหลเย็นตลอดทั้งปี เส้นทางเดินไม่ชัน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเดินป่าและต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดในช่วงวันหยุดสั้น ๆ

น้ำตกเกาฟุ จังหวัดลำปาง

ไปต่อกันที่ “น้ำตกเกาฟุ” น้ำตกหินปูนขนาดเล็กที่มีความสูงประมาณ 10 เมตร ลดหลั่นลงมาเป็นชั้น ๆ กว่า 6–7 ชั้น ท่ามกลางป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง ยิ่งถ้ามาในช่วงปลายฝนต้นหนาวราวตุลาคม-พฤศจิกายน จะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดง 

สำหรับใครที่อยากสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นแบบดั้งเดิม แนะนำให้แวะที่ “บ้านป่าเหมี้ยง” หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีชื่อเสียงด้านการทำเหมี้ยงจากใบชาหมัก ชาวบ้านยังคงอนุรักษ์กรรมวิธีดั้งเดิมไว้ให้ได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมสุดอบอุ่น โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นฤดูเก็บใบเหมี้ยง จะได้ร่วมเก็บใบสด และชมกรรมวิธีการเหมี้ยง เป็นทริปเที่ยวหน้าฝนที่ทั้งเติมพลังใจและเปิดมุมมองใหม่ของชีวิตชนบท

4. ดอยหลวงเชียงดาว และ อุทยานแห่งชาติผาแดง จังหวัดเชียงใหม่

สถานที่เที่ยวหน้าฝน ดอยหลวงเชียงดาว เชียงใหม่

“ดอยหลวงเชียงดาว” หนึ่งในภูเขาหินปูนที่สูงเป็นอันดับสามของประเทศไทย เป็นจุดหมายที่สาย Trekking ไม่ควรพลาด ไฮไลต์คือการได้เห็นวิวสุดอลังการจากยอดเขาที่โผล่พ้นทะเลหมอกในยามเช้า ท่ามกลางป่าเขาอันเขียวขจี และหากโชคดียังอาจได้พบกับสัตว์หายากใกล้สูญพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อย่าง เช่น กวางผา เลียงผา แมวป่า และค้างคาวมงกุฎหูโตมาร์แซล อย่างใกล้ชิด

เมื่อเดินป่ามาประมาณ 43.5 กิโลเมตร จะพบกับ “อุทยานแห่งชาติผาแดง” พิกัดลับกลางป่าเชียงใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะในฤดูฝนที่ม่านน้ำตกศรีสังวาลย์และน้ำตกห้วยหกสวยงามเป็นพิเศษ จากปริมาณน้ำที่หลั่งไหลมากขึ้น 

อีกหนึ่งจุดชมทะเลหมอกยามเช้าที่ “ดอยค้ำฟ้า” หรือ “กิ่วใจหาย” ความสูงถึง 1,834 เมตร ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในเชียงใหม่ ยิ่งในช่วงเดือนมกราคม ดอกนางพญาเสือโคร่งจะบานสะพรั่งเติมสีชมพูหวานให้กับยอดเขา เหมาะสำหรับสายลุยเบา ที่อยากหลบหนีความวุ่นวาย มาเที่ยวหน้าฝนซึมซับบรรยากาศเงียบสงบท่ามกลางหมอกฝนและป่าเหนืออันชุ่มฉ่ำ

5. บ้านป่าบงเบียง จังหวัดเชียงใหม่

สถานที่เที่ยวหน้าฝน บ้านป่าบงเบียง จังหวัดเชียงใหม่

ชมนาขั้นบันไดวิวหลักล้าน ณ “บ้านป่าบงเปียง” หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในที่เที่ยวหน้าฝนยอดฮิต โดยเฉพาะช่วงเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม เมื่อผืนนาขั้นบันไดเรียงตัวเป็นชั้นเขียวขจีปกคลุมทั่วหุบเขา

ไฮไลต์อยู่ที่เสน่ห์ของวิถีเรียบง่ายท่ามกลางหมอกฝน ไม่ว่าจะเป็นการตื่นเช้ามานั่งจิบกาแฟชิล ๆ ชมทะเลหมอกลอยเหนือทุ่งนา นอนพักในโฮมสเตย์ท้องถิ่นที่แสนอบอุ่น หรือสัมผัสวิถีชีวิตของชาวปกาเกอะญอที่ยังคงรักษารากวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้ พร้อมเก็บภาพสวย ๆ ได้ทุกมุม อย่าลืมจองที่พักล่วงหน้า เพื่อความสะดวกและได้สัมผัสบรรยากาศในมุมที่ดีที่สุด

6. แม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่

ที่เที่ยวหน้าฝน แม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่

แบกเป้เที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ที่ “แม่กำปอง” หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขาในอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับคนที่อยากสัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติ บ้านเรือนตั้งเรียงรายใกล้ริมน้ำลำธาร โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่หมู่บ้านชุ่มฉ่ำไปด้วยสีเขียวของป่าเขา เสียงน้ำไหลจากลำธาร และสายหมอกที่ลอยคลอเหนือหลังคาบ้านไม้หลังเล็ก 

เสน่ห์ของแม่กำปองช่วงหน้าฝนคือ “น้ำตกแม่กำปอง” น้ำตกเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่กลางธรรมชาติ มีความสูงลดหลั่นกว่า 7 ชั้น ท่ามกลางอากาศเย็นฉ่ำและเสียงน้ำกระทบหินอย่างเป็นจังหวะ เป็นจุดแวะพักที่ทั้งสดชื่นและเติมพลัง เหมาะกับการเก็บภาพสวย ๆ หรือลงแช่ตัวในแอ่งน้ำชั้นล่าง พร้อมปล่อยใจไปกับเสียงธรรมชาติ

วัดแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่ สวยเป็นพิเศษช่วงหน้าฝน

สถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนแม่กำปองคือ “วัดคันธาพฤกษา” วัดเล็ก ๆ กลางป่าอายุกว่าร้อยปี จุดเด่นอยู่ที่โบสถ์ไม้สักทองทั้งหลัง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านนาโบราณ ตั้งอยู่ริมลำธาร ท่ามกลางร่มไม้ใหญ่และสายหมอก ทำให้วัดแห่งนี้อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความขลัง ผู้คนมักแวะมาสักการะ ขอพรเสริมสิริมงคล

หากตื่นเช้าอย่าพลาด “จุดชมวิวกิ่วฝิ่น” หนึ่งในจุดชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดของเชียงใหม่ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน บนรอยต่อระหว่างจังหวัดลำปางและจังหวัดเชียงใหม่ สามารถมองเห็นแนวเทือกเขาแบบ 360 องศา โดยเฉพาะหลังฝนตกใหม่ ๆ หมอกจะหนาลอยแทรกตัวไปตามแนวเขาอย่างงดงาม แม่กำปองจึงเหมาะสำหรับสายธรรมชาติที่ต้องการเที่ยวหน้าฝนชาร์จพลังใจ และเก็บภาพบรรยากาศชุ่มฉ่ำของป่าฝนไว้เต็มหัวใจ

7. ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ที่เที่ยวหน้าฝน ปาย แม่ฮ่องสอน

ในหน้าฝนที่สายหมอกกำลังโอบกอดภูเขา “ปาย” เมืองเล็กกลางหุบเขาในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เผยเสน่ห์ของต้นไม้กำลังผลิใบเขียวสด โดยเฉพาะช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน หนึ่งในไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือ การเดินทางลัดเลาะไปตาม “ถนนหมายเลข 1095” หรือที่มักเรียกกันว่า “ถนนสายแม่มาลัย-ปาย” ถนนสายโรแมนติก เชื่อมระหว่างแม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ วิวสองข้างทางในฤดูฝนเต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มของภูเขา ผสานไอหมอกบาง ๆ

อีกหนึ่งมุมที่น่าไป “น้ำตกหมอแปง” น้ำตกเล็กกลางป่า ที่ในช่วงหน้าฝนน้ำจะไหลแรงเย็นฉ่ำ เหมาะสำหรับการเดินเล่น และแช่เท้าให้สดชื่นท่ามกลางธรรมชาติ และอย่าลืมแวะขึ้นไปที่ “วัดพระธาตุแม่เย็น” จุดชมวิวสูงที่มองเห็นเมืองปายได้แบบพาโนรามา พร้อมกราบสักการะ “พระพุทธโลกุตระมหามุนี” พระพุทธรูปปางมารวิชัยสีขาวองค์ใหญ่บนยอดเขา ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ชีวิตราบรื่น พร้อมดื่มด่ำกับความงดงามรอบตัวที่จะช่วยเสริมความสงบเย็นใจ

เดินป่าที่ดอยปุยหลวง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ช่วงฤดูฝน

สำหรับสายแอดเวนเจอร์ กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อเที่ยวหน้าฝนคือการเดินป่า ขึ้นสู่ “ดอยปุยหลวง” หนึ่งในยอดดอยที่สวยและสงบที่สุดแห่งหนึ่งของแม่ฮ่องสอน ตั้งอยู่ในอำเภอขุนยวม โดดเด่นด้วยแนวป่าเบญจพรรณและทุ่งหญ้ากว้างบนยอดดอยที่จะแต่งแต้มเป็นสีเขียวสดเมื่อสายฝนมาเยือน 

เส้นทางเดินขึ้นดอยระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เหมาะสำหรับนักเดินป่าทุกระดับ โดยมีป้ายบอกทางชัดเจนตลอดทาง ระหว่างเดินจะได้สัมผัสความเงียบสงบของธรรมชาติ สูดกลิ่นฝนผสานกับไอดินอย่างเต็มปอด ท่ามกลางบรรยากาศป่าเขา พร้อมชมวิวธรรมชาติแบบพาโนรามาได้รอบ 360 องศา

8. ปัว – สะปัน จังหวัดน่าน

ที่เที่ยวหน้าฝน ปัว จังหวัดน่าน

“ปัว” เมืองเล็กกลางขุนเขาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนเที่ยวหน้าฝน ทุ่งนาเขียวขจี และสายหมอกบางในยามเช้า ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือ “วัดภูเก็ต” จุดชมวิวที่มองเห็นทัศนียภาพอันเขียวขจีของทุ่งนาและภูเขาของวนอุทยานดอยภูคาทอดตัวได้สุดสายตา 

ขับรถต่อไปอีก 40 กิโลเมตร จะถึง “สะปัน” หมู่บ้านเล็ก ๆ ริมลำธารกลางหุบเขา ชมทุ่งนาสีเขียวสด นั่งฟังเสียงลำธารไหลของลำน้ำว้าและลำน้ำสะปันที่ไหลมาบรรจบกันอย่างผ่อนคลาย พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอด 

ช่วงเที่ยวหน้าฝนของที่นี่มีกิจกรรมให้เลือกหลากหลาย ทั้งการแช่บ่อน้ำพุร้อนสะปัน เพื่อผ่อนคลายร่างกาย เดินศึกษาธรรมชาติประมาณ 800 เมตร เพื่อชมความงามของน้ำตกสะปันที่สดชื่น ตื่นมาถ่ายภาพกับสายหมอกที่ลอยคลอเคลียยามเช้า หรือแม้แต่การนั่งชิลจิบกาแฟสักแก้วในวันที่ฝนตกแบบไม่ต้องเร่งรีบ

9. อ่างเก็บน้ำงิม จังหวัดน่าน

ที่เที่ยวหน้าฝน อ่างเก็บน้ำงิม จังหวัดน่าน

“อ่างเก็บน้ำงิม” (Ngim Reservoir) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อ่างเก็บน้ำถ้ำสะเกิน” ในอำเภอสองแคว จังหวัดน่าน หนึ่งในจุดหมายที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน พื้นที่รอบอ่างจะถูกแต่งแต้มด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวสด ตัดกับแนวลำธารคดเคี้ยว ฉากหลังเป็นภูเขาหินปูนที่ปกคลุมด้วยผืนป่าเขียวขจี และสายหมอกบาง ๆ ที่ลอยเอื่อยเหนือผืนน้ำ แต่งแต้มบรรยากาศให้ละมุนละไม

เมื่อระดับน้ำในอ่างเต็ม จะปรากฏเป็นรูปหัวใจจากมุมสูง กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม ด้วยบรรยากาศเงียบสงบ อากาศบริสุทธิ์ ที่นี่จึงเหมาะทั้งกับสายถ่ายรูป หรือสายกรีนที่อยากแวะมานั่งพักผ่อนท่ามกลางความงามของธรรมชาติ จนหลายคนขนานนามว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์เมืองน่าน” ที่ต้องลองไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต

10. อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ที่เที่ยวหน้าฝน อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ศูนย์กลางของขุนเขาแห่งป่าฝน “อุทยานแห่งชาติเขาสก” (Khao Sok National Park) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภูเขาดินและภูเขาหินปูนสูงสลับซับซ้อนที่ปกคลุมด้วยผืนป่าดิบชื้นผืนใหญ่ที่สุดของภาคใต้ อุดมไปด้วยความหลากหลายของระบบนิเวศ ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือการล่องเรือชมวิวใน “เขื่อนเชี่ยวหลาน” หรือ “เขื่อนรัชชประภา” ผืนน้ำจืดสีมรกต และภูเขาหินรูปร่างแปลกตาเรียงรายกลางน้ำ จนได้รับฉายาว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย”

สำหรับสายผจญภัย มีกิจกรรมให้เลือกหลากหลาย ทั้งการล่องแพไม้ไผ่ พายเรือแคนูในลำน้ำสก หรือเดินป่าเข้าสู่เส้นทางลึก หนึ่งในสิ่งที่ดึงดูดให้ออกตามหาคือ “บัวผุด” ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงน้ำตกที่ซ่อนตัวในป่า อย่างน้ำตกบางหัวแรดและน้ำตกวิ่งหิน แถมตลอดเส้นทางยังมีโอกาสพบเห็นสัตว์ป่านานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ช้างป่า กระทิง เสือปลา เลียงผา รวมไปถึงนกหายากหลากชนิดอีกด้วย

ดีลดี ๆ เพื่อทริปสุดพิเศษ

11. เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ที่เที่ยวหน้าฝน เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี

สำหรับคนรักท้องทะเลที่อยากเที่ยวหน้าฝน ต้องไม่พลาด “เกาะเต่า” (Ko Tao Island) จังหวัดสุราษฎร์ธานี หนึ่งในจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก อุดมไปด้วยแนวปะการังสวยงามและสมบูรณ์ หาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใส ที่สำคัญคือ ฤดูมรสุมของเกาะเต่าไม่ตรงกับกรุงเทพฯ เพราะเกาะเต่าอยู่ในฝั่งอ่าวไทย โดยมรสุมจะมาในช่วงกลางพฤศจิกายนถึงปลายธันวาคม ดังนั้น ช่วงหน้าฝนทั่วไปของไทย ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม จึงยังเป็นช่วงเวลาที่สามารถเที่ยวเกาะเต่าได้แบบสบายใจ

ทริปหน้าฝนที่เกาะเต่ามีกิจกรรมให้เลือกหลากหลาย ทั้งดำน้ำชมปะการังที่ “อ่าวม่วง อ่าวโตนด อ่าวหินวง” และดำน้ำลึกตามจุดดำน้ำชื่อดัง เช่น

  • จุดกองหินชุมพร (Chumphon Pinnacle) อุดมสมบูรณ์ไปด้วยชีวิตใต้ท้องทะเล หากโชคดีในช่วงเดือนมีนาคมถึงตุลาคมอาจได้ทักทายฉลามวาฬแบบใกล้ชิด
  • หินใบ (Sail Rock) จุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงในหมู่นักดำน้ำระดับสูง เนื่องจากมีถ้ำใต้น้ำ (Chimney) ให้สำรวจ และฝูงปลากะมง ปลาหูช้าง ว่ายวนรอบตัว
  • กองหินตุ้งกู (Southwest Pinnacle) ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในแหล่งดำน้ำที่ดีที่สุดบนเกาะเต่า ‘Secret Pinnacle’ และอาจได้พบปลาโรนัน (Guitarfish) สิ่งมีชีวิตหายากใต้ทะเล

หรือจะขึ้นไปชมวิวที่จุดชมวิวจอห์น-สุวรรณ ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอ่าวฉโลกและอ่าวฉลามแบบพาโนรามา สำหรับใครที่อยากได้ความสงบ แนะนำให้เดินเล่นหรือพักผ่อนบน “หาดฟรีด้อม” นอนเอนตัวใต้เงาไม้ ฟังเสียงคลื่นซัดเบา ๆ ชมผืนทรายขาวทอดยาวตัดกับน้ำทะเลใส ได้พักผ่อนเต็มอิ่ม

12. หลวงพระบาง – หลวงน้ำทา ประเทศลาว

 ที่เที่ยวหน้าฝน หลวงพระบาง ประเทศลาว

หน้าฝนในลาวเต็มไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติและวิถีชีวิตที่อ่อนโยน เริ่มต้นที่เมืองมรดกโลกอย่าง “หลวงพระบาง” สัมผัสบรรยากาศเงียบสงบของ “วัดเชียงทอง” หนึ่งในวัดที่เก่าแก่และงดงามที่สุดของเมือง จนได้รับการขนานนามว่า “อัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมสกุลช่างล้านช้าง” ร่วมตักบาตรยามเช้าท่ามกลางสายหมอก และนั่งเรือชมทัศนียภาพสองฝั่งแม่น้ำโขง

หากมาเที่ยวหลวงพระบางหน้าฝน ต้องไม่พลาด “น้ำตกตาดกวางสี” น้ำตกหินปูนสีเขียวมรกตกว่า 4 ชั้น สูงรวมราว 75 เมตร น้ำไหลแรงตัดกับผืนป่าที่เขียวขจีอย่างสวยงาม จากนั้นมุ่งหน้าสู่เมือง “หลวงน้ำทา” สัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชนเผ่ากว่า 39 ชาติพันธุ์ เหมาะกับการเดินชิล ปั่นจักรยาน หรือแวะเรียนรู้วิถีชนเผ่าท้องถิ่น

ปิดท้ายด้วยการเดินทางผ่านเส้นทางเดินป่าบ้านหนองหลวง ระยะทางกว่า 2.5 กิโลเมตร เยือน “น้ำตกตาดเสือ” และ “น้ำตกตาดขมึด” สองน้ำตกขนาดใหญ่กลางป่าดิบชื้น เก็บภาพสวย ๆ ที่จุดชมวิวระหว่างน้ำตกทั้งสองแห่ง สำหรับสายแอดเวนเจอร์ ท้าทายความตื่นเต้นด้วยการโหนสลิง (Zipline) ระยะทางกว่า 400 เมตร ที่พาดผ่านน้ำตกคู่ความสูงกว่า 700 เมตร เติมเต็มประสบการณ์ที่น่าจดจำของการเที่ยวลาวในฤดูฝน

13. เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา

ที่เที่ยวหน้าฝน เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา

เที่ยวหน้าฝนใน “เสียมราฐ” (Siem Reap) ประเทศกัมพูชา ชมมรดกโลกอย่าง “นครวัด” 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เดินชมสถาปัตยกรรมหินอ่อนอันประณีตและไหว้พระยามเช้าใต้ไอฝน ถัดมาอีก 3 กิโลเมตร “นครธม” เมืองหลวงเก่าแห่งอาณาจักรขอม โดดเด่นด้วย “ปราสาทบายน” ที่ขึ้นชื่อเรื่องใบหน้าหินยิ้มที่ดูทรงพลัง 

อีกหนึ่งจุดที่ห้ามพลาดคือ “ปราสาทตาพรหม” ยอดปราสาทกว่า 39 ยอด ถูกโอบล้อมด้วยรากไม้ยักษ์และต้นไม้โบราณ อย่างต้นมะเดื่อและต้นสะปง ทริปนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากสัมผัสกลิ่นอายแห่งวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และความสงบของเมืองเก่าท่ามกลางฤดูฝน

14. Gardens by the Bay – Fort Canning – Katong ประเทศสิงคโปร์

ที่เที่ยวหน้าฝน Gardens by the Bay ประเทศสิงคโปร์

สำหรับใครที่อยากเที่ยวสิงคโปร์ในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม ลองมาสัมผัสอีกมุมหนึ่งของเมืองที่สงบและชุ่มฉ่ำ เริ่มต้นที่ “Gardens by the Bay” สวนพฤกษศาสตร์ล้ำยุคกลางเมืองที่สามารถเดินเล่นได้หลายโซน 

  • Cloud Forest ภูเขาเขียวที่ปกคลุมด้วยพืชสูงกว่า 35 เมตร ภายใต้หมอกจำลอง
  • Flower Dome เรือนกระจกที่รวมพันธุ์พืชและดอกไม้จาก 5 ทวีป ตั้งแต่ต้นมะกอกเก่าแก่นับพันปี ดอกแมกโนเลีย และกล้วยไม้หายาก
  • Supertree Grove สวนแนวตั้งต้นไม้เทียมสูงตั้งแต่ 25 ถึง 50 เมตร พร้อมทางเดินลอยฟ้าโอซีบีซี และการแสดงแสงสีเสียงยามค่ำคืน

จากนั้นแวะพักผ่อนที่ “Fort Canning Park” อุโมงค์ต้นไม้และสวนประวัติศาสตร์ใจกลางเมือง อีกหนึ่งจุดเช็กอินและเก็บภาพยอดนิยมอย่าง Tree Tunnel ปิดท้ายด้วยการหลบฝนไปเดินเล่นในย่าน “Katong-Joo Chiat” ชุมชนเก่าแก่ของชาวเปอรานากันที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรม อาคารสไตล์โคโลเนียลสีสันพาสเทล คาเฟสวย ๆ และร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดัง อย่างบ๊ะจ่างและกาตงลักซา ท่ามกลางฝนพรำที่ให้ฟีลละมุน เป็นอีกมิติหนึ่งของสิงคโปร์ที่จะตกหลุมรักเมื่อมาเที่ยวหน้าฝน

3 สิ่งที่ควรเตรียมเมื่อเที่ยวหน้าฝน เที่ยวได้อย่างสนุกและปลอดภัย

เที่ยวหน้าฝนด้วยอุปกรณ์ครบครัน

1. เช็กพยากรณ์อากาศล่วงหน้า

นอกจากการวางแผนเส้นทางและสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว การตรวจเช็กสภาพอากาศก่อนเดินทางก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากมรสุม ฝนหลงฤดู เพื่อเตรียมพร้อมล่วงหน้าให้สามารถปรับแผนได้ทันท่วงที ให้เที่ยวได้อย่างปลอดภัย

2. เตรียมอุปกรณ์และของจำเป็น

เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เพื่อให้การท่องเที่ยวหน้าฝนทริปนี้สะดวกและปลอดภัย โดยสิ่งที่ควรพกติดตัวมีดังนี้:

  • เสื้อกันฝนและร่มแบบพับได้ พกติดตัวตลอดสำหรับกันฝนเบื้องต้น
  • เสื้อผ้าแห้งไวและชุดสำรองไว้เผื่อเปียก เช่น Dry Fit หรือผ้าใยสังเคราะห์
  • รองเท้ากันน้ำหรือรองเท้าแตะรัดส้น ที่มีพื้นยางกันลื่น 
  • ถุงกันน้ำหรือถุงซิปล็อก สำหรับใส่ของใช้สำคัญ เช่น โทรศัพท์ พาสปอร์ต เสื้อผ้าสำรอง
  • ผ้าเช็ดตัวแบบพกพาและทิชชูเปียก เช็ดของ หรือใช้ทำความสะอาดมือในที่ไม่มีน้ำ
  • ยาประจำตัว ยาสามัญ ยาดม ยากันยุง
  • ของใช้จำเป็นอื่น ๆ เช่น ไฟฉาย ไฟฉายคาดหัว แบตสำรอง และสายชาร์จกันน้ำ

3. วางแผนสำรอง เผื่อเปลี่ยนแผน

วางแผนเที่ยวหน้าฝน อย่าลืมเตรียมแผนสำรองไว้ด้วย แม้จะวางแผนหลัก หรือ แผน A ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ควรมีแผน B เผื่อสถานการณ์ไม่คาดคิด เช่น มรสุมเข้า ฝนตกหนัก หรือเส้นทางหลักปิดชั่วคราว แนะนำให้เลือกกิจกรรมในร่มหรือหาสถานที่ใกล้เคียงไว้เป็นตัวเลือก เพื่อให้ทริปเที่ยวหน้าฝนสนุก ได้พบประสบการณ์ใหม่ ๆ เป็นความประทับใจที่ไม่มีวันลืม

บินลัดฟ้าเที่ยวไทย เที่ยวต่างประเทศ ช่วงหน้าฝนให้ฉ่ำใจ ไปกับ Bangkok Airways

ดีลดี ๆ เพื่อทริปสุดพิเศษ

เปลี่ยนบรรยากาศท่องเที่ยวสู่การผจญภัยในฤดูฝน สัมผัสประสบการณ์ที่ต้องลองสักครั้งในชีวิตท่ามกลางสายฝน สายหมอก และธรรมชาติที่ชุ่มฉ่ำ ออกเดินทางไปยังจุดหมายใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศยอดนิยม อย่าง ลาว กัมพูชา และสิงคโปร์ ที่รอให้คุณค้นพบไปกับสายการบิน Bangkok Airways ด้วยเที่ยวบินเหนือระดับ พร้อมบริการสุดพิเศษ ที่จะเติมเต็มทุกโมเมนต์ให้เต็มไปด้วยความประทับใจตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น

  • บริการห้องรับรองสำหรับผู้โดยสารทุกท่าน
  • น้ำหนักโหลดกระเป๋าท่านละ 20 กิโลกรัม
  • การเลือกที่นั่งบนเที่ยวบิน
  • บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน

Share This Story with your travel friends!
Facebook
Twitter
LinkedIn
Email
Related Posts