Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

ค้นพบเสน่ห์แห่ง 15 ที่เที่ยวธรรมชาติยอดฮิตของไทยในปี 2568

สถานที่เที่ยวธรรมชาติในไทย
Table of Contents

Bangkok Airways สรุปให้

  • เมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่หลากหลาย ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ในแต่ละฤดูที่แตกต่างกัน โดยฤดูหนาวอากาศเย็นสบาย เหมาะกับชมทะเลหมอกและธรรมชาติบนภูเขา ฤดูร้อน เหมาะกับการเที่ยวเกาะและพักผ่อนริมทะเล ส่วนฤดูฝน ป่าเขาเขียวชอุ่ม น้ำตกไหลแรง เหมาะกับสายผจญภัยที่อยากสัมผัสธรรมชาติ
  • ปี 2568 มีจุดหมายแห่งธรรมชาติใหม่ เช่น น้ำตกห้วยน้ำเย็น จังหวัดเชียงใหม่ โอเอซิสกลางป่าใหญ่ที่เพิ่งเปิดให้เข้าชม และสถานที่ยอดนิยมที่ได้รับการยกย่องระดับโลกอย่าง หาดกล้วย จังหวัดภูเก็ต ติดอันดับ 2 ชายหาดที่สวยที่สุดในโลก 2025 จาก Tripadvisor และ เกาะช้าง จังหวัดตราด ที่คว้าหนึ่งใน 100 แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนของโลก ปี 2025

เมื่อฤดูกาลหมุนเวียน ธรรมชาติไทยในแต่ละภูมิภาคก็เผยเสน่ห์ในมุมที่งดงามต่างกันไป ทั้งป่าฝนเขียวชอุ่มในฤดูฝน ดอยสูงโอบล้อมด้วยอ้อมกอดแห่งหมอกในฤดูหนาว และทะเลใสในช่วงฤดูร้อน ที่รอให้เราออกเดินทาง เพื่อเรียนรู้ สัมผัส และตกหลุมรักความงามของผืนแผ่นดินไทย Bangkok Airways ชวนคุณออกสำรวจ 15 ที่เที่ยวธรรมชาติยอดฮิตของไทย ปี 2568 ทั้งขุนเขา สายน้ำ ท้องทะเล และป่าเขียวขจีที่รอให้ค้นพบ

ที่เที่ยวยอดดอย สัมผัสอ้อมกอดทะเลหมอก

1. ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย กิ่วแม่ปาน บนยอดดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

มาสูดอากาศเย็นท่ามกลางทะเลหมอกที่ดอยอินทนนท์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย ในจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยความสูงกว่า 2,565 เมตรจากระดับน้ำทะเล หนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมคือการเดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติ “กิ่วแม่ปาน” ที่เป็นฤดูไฮไลต์ของทะเลหมอก โดยเปิดให้เข้าชมเฉพาะวันที่ 1 พฤศจิกายน-31 พฤษภาคม ของทุกปี 

เส้นทางกิ่วแม่ปานตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 42 ของถนนสายจอมทอง-ยอดดอยอินทนนท์ มีความยาวประมาณ 2.8 กิโลเมตร ซึ่งทอดผ่านภูมิทัศน์ 4 แบบที่สวยงาม

  • ช่วงแรก: ป่าดิบชื้นเขียวตลอดปี มีมอสและเฟิร์นปกคลุมต้นไม้ใหญ่อันอุดมสมบูรณ์
  • ช่วงที่สอง: ทุ่งหญ้ากว้าง เขียวชอุ่มปลายฝนต้นหนาว และเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองยามแล้งในช่วงฤดูหนาวถึงฤดูร้อน
  • ช่วงที่สาม: จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน สูง 2,400 เมตร ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น ท่ามกลางทุ่งกุหลาบพันปีแดงที่จะบานสะพรั่งในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม
  • ช่วงสุดท้าย: ลงสู่ลำห้วยแม่ปาน ปลายทางแห่งความสุขพร้อมฟังเสียงธรรมชาติเต็มอิ่ม

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย ดอยผาตั้ง บนยอดดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

เดินทางอีก 26 นาทีจากกิ่วแม่ปาน จะถึง “ดอยผาตั้ง” เส้นทางสุดโรแมนติกที่แต่งแต้มไปด้วยสีชมพูหวานของดอกพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทย บนความสูงกว่า 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล  โดยในช่วงเดือนมกราคมดอกพญาเสือโคร่งจะผลิบานอวดโฉมเพียงช่วงสั้น ๆ ครั้งเดียวในรอบปี 

ทั้งยังเป็นจุดสังเกตนกประจำถิ่นและนกอพยพ เช่น นกกะรางหัวแดง นกมุ่นรกตาขาว นกศิวะหางสีน้ำตาล และนกกะรองทอง ที่คนรักธรรมชาติและผู้ที่หลงใหลความเงียบสงบของขุนเขาไม่ควรพลาด ชมเสน่ห์ของดอยอินทนนท์ได้ที่ ที่เที่ยวดอยอินทนนท์ ยอดเขาสูงสุดในไทย เช็กอินทุกจุดไฮไลต์

2. ดอยม่อนจอง จังหวัดเชียงใหม่

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย ดอยม่อนจอง จังหวัดเชียงใหม่

ดอยม่อนจอง ตั้งอยู่บนแนวเทือกเขาถนนธงชัยตอนกลาง ครอบคลุมพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก เป็นพื้นที่ธรรมชาติที่เปลี่ยนสีตามฤดูกาล โดยทุ่งหญ้าจะมีสีเขียวสดในช่วงพฤศจิกายน-ธันวาคม และสีเหลืองทองในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์

ไฮไลต์ของที่นี่คือ “ยอดหัวสิงห์” จุดสูงสุดของดอยที่มีความสูงราว 1,929 เมตรจากระดับน้ำทะเล ระหว่างทางจะผ่านลานทุ่งหญ้าสีทองหรือที่รู้จักกันในชื่อ “สนามกอล์ฟช้างและภูหินช่อ” ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าหายาก เช่น กวางผา เลียงผา และฝูงช้างป่า รวมถึงความงดงามของกุหลาบพันปีที่ว่ากันว่าเป็นต้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

นอกจากนี้ยังได้สัมผัสกลิ่นอายของวัฒนธรรมชนเผ่าหลากหลาย ทั้งกะเหรี่ยง ม้ง มูเซอ ละว้า และคนพื้นเมือง ที่ร่วมกันดูแลผืนป่าและสืบสานวิถีชีวิตเข้ากับธรรมชาติ 

ดอยม่อนจอง จังหวัดเชียงใหม่ ในยามค่ำคืน

ดอยม่อนจองเปิดให้เที่ยวเฉพาะช่วงพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ของทุกปี และต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางทุกครั้ง เส้นทางเดินเท้าระยะทาง 6-7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 3-4 ชั่วโมง ก่อนจะถึงลานกางเต็นท์ จุดที่คุณจะได้สัมผัสอ้อมกอดของทะเลหมอกและลมหนาวแบบฉ่ำใจ และหากโชคดีในค่ำคืนที่ฟ้าเปิดยังอาจได้ชมทะเลดาว พร้อมทางช้างเผือกพาดผ่านเหนือขุนเขา

3. ดอยบ่าโจ๊ะโข่ว จังหวัดเชียงใหม่

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย ดอยบ่าโจ๊ะโข่ว จังหวัดเชียงใหม่

สูดอากาศดี ๆ ท่ามกลางภูเขาต้องที่ดอยบ่าโจ๊ะโข่ว ดอยเล็ก ๆ ที่อยู่ในบ้านขุนแปะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีมุมให้เช็กอินทั้งวิวไร่กะหล่ำปลีและทุ่งไฮเดรนเยีย โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาว ในเดือนสิงหาคม-ธันวาคม 

ที่กลางดอยบ่าโจ๊ะโข่วยังมีนาขั้นบันได และโฮมสเตย์ที่คุณสามารถตื่นมาจิบกาแฟร้อน ๆ พร้อมชมแสงอาทิตย์สาดลงบนท้องนา โดยเส้นทางขึ้นค่อนข้างชัน แนะนำใช้รถ 4WD หรือเหมารถชาวบ้านขึ้นไปจากหมู่บ้านขุนแปะที่มีค่าบริการเหมารถไป-กลับเพียง 1,500 บาท* (ข้อมูล ณ 2568) โดยเมื่อถึงจุดชมวิว จะได้สัมผัสอ้อมกอดของลมหนาว รวมถึงเห็นทั้งทะเลหมอกและทิวเขาที่ทอดตัวซ้อนกันสุดสายตา

4. ดอยปุยหลวง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย ดอยปุยหลวง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

พักใจกลางสายหมอกที่แม่ฮ่องสอนกับดอยปุยหลวง ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยฮี้ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ดอยที่มีความสูงกว่า 1,722 เมตรจากระดับน้ำทะเล นอกจากจุดชมวิวแล้ว หมู่บ้านห้วยฮี้ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์แบบชุมชนเล็ก ๆ แสนอบอุ่นของชาวปกาเกอะญอ ที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย นักท่องเที่ยวสามารถเลือกพักแบบโฮมสเตย์ชุมชน เพื่อสัมผัสวิถีท้องถิ่นแบบใกล้ชิด หรือจะเลือกกางเต็นท์นอนใต้ฟ้าท่ามกลางลมหนาวและแสงดาวก็ได้เช่นกัน

5. ดอยจิกจ้องฆ้องคำ จังหวัดลำปาง

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย ดอยจิกจ้องฆ้องคำ จังหวัดลำปาง

ดอยจิกจ้องฆ้องคำ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง เป็นเส้นทางศรัทธาที่รายล้อมด้วยธรรมชาติอันเงียบสงบ บนความสูงประมาณ 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล และระยะทางเดินเท้าประมาณ 6.5 กิโลเมตร เมื่อถึงยอดดอยจะพบกับพระธาตุจิกจ้องฆ้องคำสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพบูชา

ในทุกปีจะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุจิกจ้อง ซึ่งจะจัดขึ้นช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน โดยพระสงฆ์และผู้ศรัทธาจะร่วมเดินเท้าขึ้นดอยไปสักการะองค์พระธาตุ พร้อมนำสิ่งของเครื่องใช้ อาหาร และของจำเป็นขึ้นไปถวายแด่พระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ด้านบนเป็นเวลาประมาณสองสัปดาห์ ทั้งนี้แนะนำให้มาในช่วงพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นฤดูหนาวของลำปาง เพราะมีโอกาสได้พบทะเลหมอกหนาปกคลุมยอดเขา และอากาศเย็นสบายตลอดวัน

ดีลดี ๆ เพื่อทริปสุดพิเศษ

ที่เที่ยวน้ำตก ชมความมหัศจรรย์แห่งม่านน้ำใส

6. น้ำตกแม่ยะ จังหวัดเชียงใหม่

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย น้ำตกแม่ยะ จังหวัดเชียงใหม่

ใครที่มาอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ต้องไม่พลาดน้ำตกแม่ยะ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอุทยานฯ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 30 ชั้น รวมความสูงกว่า 260 เมตร โดยน้ำตกเปิดให้ชมทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. 

โดยในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม สายน้ำจะไหลแรงและสวยมากที่สุด กลายเป็นม่านน้ำขนาดใหญ่สะท้อนแสงแดดยามเช้าอย่างตระการตา ทั้งนี้บริเวณรอบน้ำตกยังมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์พักแรม เหมาะกับผู้ที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติ ฟังเสียงน้ำไหลและสายลมป่าในยามค่ำคืน

7. น้ำตกห้วยน้ำเย็น จังหวัดเชียงใหม่

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย น้ำตกห้วยน้ำเย็น จังหวัดเชียงใหม่

ที่เที่ยวธรรมชาติสุดอันซีน ที่น้ำตกห้วยน้ำเย็น โอเอซิสลับแห่งใหม่ที่รอให้ออกไปค้นพบน้ำตกแห่งนี้อยู่ระหว่างบ้านนาเกียนและบ้านแม่โขง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เส้นทางแห่งนี้เพิ่งเปิดอย่างเป็นทางการหลังใช้เวลากว่าสิบปีในการพัฒนา เพื่อให้เดินทางได้อย่างปลอดภัยและเป็นมิตรต่อธรรมชาติ

ระยะทางเดินไป-กลับรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เดินไม่ยาก ส่วนใหญ่เป็นทางราบสลับกับทางขึ้นเขาเล็กน้อย ก่อนจะถึงน้ำตกขนาดใหญ่ที่ลดหลั่นลงมาถึง 6 ชั้น และหากโชคดีอาจได้พบกับสัตว์ป่าหายากอย่างกิ้งกือมังกรสีชมพู ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งผืนป่าอมก๋อยอีกด้วย

ทั้งนี้น้ำตกห้วยน้ำเย็นจะปิดการเข้าชมตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2569 เพื่อให้ธรรมชาติได้พักฟื้น และจะกลับมาเปิดอีกครั้งในวันที่ 5 มิถุนายน 2569

  • เวลาเปิดให้เข้าชม: 07.30-12.00 น. และต้องออกจากพื้นที่ก่อน 16.00 น.
  • ค่าเข้าชม: นักท่องเที่ยวทั่วไป 50 บาท/คน และชาวต่างชาติ 150 บาท/คน

8. น้ำตกออบขาน จังหวัดเชียงใหม่

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย น้ำตกออบขาน จังหวัดเชียงใหม่

น้ำตกออบขาน ไฮไลต์สำคัญแห่งอุทยานแห่งชาติออบขาน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในน้ำตกสุดอันซีน ด้วยภูมิประเทศแบบแกรนด์แคนยอนขนาดย่อม มีช่องหน้าผาชันสูงราว 30 เมตร ท่ามกลางผืนป่ากว้างกว่า 302,500 ไร่ ที่รายล้อมด้วยภูเขาหินปูนและป่าหลากชนิด ทั้งป่าดิบเขา ป่าสน และป่าเบญจพรรณ 

รอบอุทยานฯ เต็มไปด้วยแหล่งธรรมชาติ เช่น ห้วยโป่ง ผาลาย น้ำตกแม่เตียน ถ้ำดอยโตน น้ำพุร้อนแม่โต๋ น้ำตกมรกต และน้ำตกแม่วาง รวมถึงเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่อาจได้พบสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ทั้งเลียงผา เก้ง หมีควาย เสือปลา เต่าปูลู หรือฝูงนกสีสันสดใสที่โบยบินเหนือยอดไม้

นักท่องเที่ยวสามารถกางเต็นท์พักแรมได้ แต่ลานกางเต็นท์จะปิดทำการระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม-31 สิงหาคมของทุกปี เพื่อให้ธรรมชาติได้พักฟื้น 

9. น้ำตกร้อนคลองท่อม จังหวัดกระบี่

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย น้ำตกร้อนคลองท่อม จังหวัดกระบี่

สัมผัสสปาธรรมชาติกลางป่าที่น้ำตกร้อนคลองท่อมหรือน้ำตกร้อนสะพานยูง ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ น้ำตกขนาดเล็กสูงเพียง 5 เมตร กว้างประมาณ 10 เมตร สามารถเดินเท้าเข้าไปเพียง 400 เมตรจากลานจอดรถ

โดยน้ำตกร้อนแห่งนี้เกิดจากแหล่งแร่น้ำร้อนใต้ดินที่ซึมขึ้นมาจากผิวดิน อุณหภูมิของน้ำอยู่ระหว่าง 40-50 องศาเซลเซียส ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ มีแอ่งน้ำอุ่นด้านล่าง และแอ่งเล็ก ๆ ด้านบนที่เรียงตัวกันคล้ายบ่ออาบน้ำ แต่ละบ่อเต็มไปด้วยแร่ธาตุที่เชื่อว่าช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และบำบัดอาการปวดหลัง เหมือนได้ทำสปาจากธรรมชาติ ที่นี่จึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ที่ต้องไปสัมผัสสักครั้ง

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย สระมรกต จังหวัดกระบี่

จากน้ำตกร้อนเดินทางต่อ 15 นาทีก็จะถึงสระมรกตอีกหนึ่งไฮไลต์ชื่อดังของคลองท่อม ที่เกิดจากธารน้ำอุ่นที่ไหลผ่านชั้นหินปูนจนเกิดเป็นสระสีฟ้าใส อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 30-50 องศา โดยไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำเพื่ออนุรักษ์ระบบนิเวศ

นอกจากนี้คลองท่อมยังมีน้ำพุร้อนเค็มธรรมชาติ หนึ่งในไม่กี่แห่งของโลกที่เกิดจากการผสมของน้ำร้อนกับน้ำทะเลจนเกิดเป็นบ่อแม่ และเคยติดอันดับ Top 100 แหล่งท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืนของโลก ปี 2023 (Green Destinations) โดยนักท่องเที่ยวสามารถแช่ผ่อนคลายในบ่อที่จัดไว้แยกต่างหากได้อย่างปลอดภัย

  • เวลาเปิดให้เข้าชม: 08.00-18.00 น.
  • ค่าเข้าชม: นักท่องเที่ยวทั่วไป 50 บาท/คน และชาวต่างชาติ 150 บาท/คน

ที่เที่ยวทะเล ดื่มด่ำความสงบบนเกาะและโลกใต้น้ำ

10. เกาะเหลาลาดิง – หาดไร่เลย์ จังหวัดกระบี่

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย เกาะเหลาลาดิง จังหวัดกระบี่

เกาะเหลาลาดิงหรือที่หลายคนเรียกว่าเกาะละดิง เกาะเล็ก ๆ แห่งอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ จากฝั่งอ่าวนางใช้เวลาเดินทางด้วยเรือ เพียง 30-45 นาที อ่าวเล็ก ๆ ที่ถูกโอบล้อมด้วยหน้าผาหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านท่ามกลางน้ำทะเลใสสีมรกต จนถูกขนานนามว่าเป็น “Paradise Island” ด้วยบรรยากาศเงียบสงบและธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ เหมาะกับการดำน้ำตื้น เล่นน้ำ หรือพักผ่อนบนชายหาดขาวท่ามกลางวิวภูเขาหินปูนที่ตัดกับทะเลสีมรกต

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย หาดไร่เลย์ จังหวัดกระบี่

ถัดจากเกาะเหลาลาดิง สามารถเลือกแพ็กเกจทัวร์แบบ One Day Trip ไปเที่ยวที่หาดไร่เลย์ จุดหมายยอดฮิตของจังหวัดกระบี่ ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นชายหาดที่ดีที่สุดอันดับ 9 ของโลก ปี 2023 โดย World Beach Guide โดยหาดไร่เลย์แบ่งออกเป็นสองฝั่ง 

  • หาดไร่เลย์ฝั่งตะวันตก: โอบล้อมด้วยหาดทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลใสสีฟ้ามรกต เหมาะกับการพักผ่อน เล่นน้ำ หรือชมพระอาทิตย์ตก
  • หาดไร่เลย์ฝั่งตะวันออก: เต็มไปด้วยหน้าผาหินปูนสูงชัน จุดหมายในฝันของนักผจญภัยและนักปีนเขาทั่วโลกที่มีเส้นทางปีนผาระดับโลกหลายจุด รองรับมือใหม่จนถึงมืออาชีพ

ทั้งนี้ ยังมีจุดเช็กอินและไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดอีกเพียบ ค้นพบเสน่ห์ของหาดไร่เลย์เพิ่มเติมได้ที่ หาดไร่เลย์ ที่เที่ยวกระบี่ ชมความงามระดับโลก จัดเต็มกิจกรรม

11. หาดกล้วย จังหวัดภูเก็ต

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย หาดกล้วย จังหวัดภูเก็ต

หาดกล้วย (Banana Beach) ตั้งอยู่ระหว่างหาดในทอนและหาดลายันบนเกาะเฮ หรือ Coral Island จังหวัดภูเก็ต ซึ่งบนเกาะเฮจะมี 2 ฝั่ง คือ ฝั่งหน้าหาด และฝั่งหาดกล้วย หรือที่รู้จักกันในชื่อ บานานาบีช อีกหนึ่ง Hidden Gems ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นชายหาดที่สวยที่สุดอันดับ 2 ของโลก ปี 2025 จาก Tripadvisor Travelers’ Choice Awards ในหมวด Best of the Best Beaches

โดยไฮไลต์อยู่ที่กิจกรรมสุดแอคทีฟ ตั้งแต่พายคายัค บานานาโบต พาราเซล ไปจนถึงการทักทายนกแก๊ก ซึ่งเป็นสัตว์หายากประจำถิ่นที่พบได้บ่อยบนหาดแห่งนี้ สำหรับสายดำน้ำ ห้ามพลาดจุดดำน้ำตื้นชื่อดัง “Blue Wall” อยู่ห่างจากชายฝั่งเพียง 45 เมตร หากมาในช่วงเช้าอาจได้พบกับฝูงปลาหางเหลือง ปลานกแก้ว และฉลามแนวปะการัง โดยคนรักท้องทะเลสามารถเก็บจุดเช็กอิน รอบหาดกล้วยเพิ่มเติมได้ที่ พาเที่ยว หาดกล้วย หาดลับภูเก็ต ชายหาดที่สวยติดอันดับ 2 ของโลก

12. เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เกาะสมุย เกาะขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทยรองจากภูเก็ต ตั้งอยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเกาะสมุยเพิ่งคว้ารางวัล อันดับ 1 เกาะที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Best Islands in Asia Pacific 2024) จาก Travel + Leisure Southeast Asia, Hong Kong & Macau ด้วยคะแนนโหวตกว่า 200,000 คะแนนจากผู้อ่านทั่วโลก ซึ่งการันตีความงดงามระดับโลกและเต็มไปด้วยหลากหลายเสน่ห์ที่ตอบโจทย์ทุกสไตล์การท่องเที่ยว

  • หาดเฉวง: ชายหาดทรายขาวยาวกว่า 6 กิโลเมตร เต็มไปด้วยสีสัน ความสนุก และบาร์ริมทะเลสุดชิค
  • หาดละไม: เหมาะกับคนที่รักความสงบและความเป็นส่วนตัว จุดไฮไลต์คือหินตาหินยาย โขดหินรูปร่างแปลกตาที่เกิดจากธรรมชาติ
  • อ่าวท้องตะเคียน: หาดเล็ก ๆ ซ่อนตัวระหว่างเฉวงและละไม เหมาะสำหรับผู้ที่อยากหลีกหนีผู้คน มานั่งรับลมทะเลแบบช้า ๆ
  • เกาะมัดสุม (เกาะหมู): เกาะเล็กน่ารักที่อยู่ใกล้สมุย มีฝูงหมูน้อยแสนน่ารักให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปและให้อาหารอย่างใกล้ชิด

นอกจากชายหาดและเกาะน้อยใหญ่แล้ว เกาะสมุยยังคงกลิ่นอายของวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งวัดสำเร็จ วัดละไม วัดพระใหญ่ หรือเจดีย์แหลมสอ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมศิลปะและความศรัทธา สำหรับใครที่สนใจสามารถเก็บที่เที่ยวบนเกาะสมุยได้ที่ ที่เที่ยวสมุย รวมครบ! หาดสวย วัดดัง และจุด Unseen

13. เกาะช้าง จังหวัดตราด

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย เกาะช้าง จังหวัดตราด

เกาะช้างเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทยรองจากภูเก็ตและเกาะสมุย อัญมณีแห่งทะเลตะวันออกที่ผสมผสานความงดงามของธรรมชาติกับความยั่งยืนได้อย่างลงตัว ล่าสุดเกาะช้างได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนของโลก (Green Destinations Top 100 Stories) ปี 2025 และยังเคยติดอันดับ 2 สถานที่พักผ่อนเขตร้อนชื้นที่ดีที่สุดในโลก ปี 2024 โดย นิตยสาร Travel + Leisure โดยเกาะช้างเต็มไปด้วยชายหาดและหมู่เกาะสวยงาม 

  • หาดทรายขาว: ชายหาดยาวกว่า 2.5 กิโลเมตร เต็มไปด้วยรีสอร์ต ร้านอาหาร และบรรยากาศคึกคัก เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตกดินสุดโรแมนติก
  • หาดคลองพร้าว: เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเงียบสงบ ชมวิวภูเขาและเกาะเล็กเกาะน้อยที่เรียงรายอยู่ไกลสุดสายตา
  • หมู่เกาะรัง: จุดดำน้ำอันดับต้น ๆ ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง น้ำทะเลใสและแนวปะการังหลากสีสัน

จุดดำน้ำเรือหลวงช้าง เกาะช้าง จังหวัดตราด

อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือการดำน้ำสำรวจ “เรือหลวงช้าง” ซากเรือรบขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่ปลดประจำการและจมลงเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2555 ตามโครงการเรือหลวงช้างรักษ์ทะเลตราด เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศใต้น้ำในเขตเกาะช้าง โดยเรือตั้งอยู่ในระดับความลึกประมาณ 27-30 เมตร กลายเป็นบ้านใหม่ของฝูงปลานานาชนิด และหากโชคดีนักดำน้ำอาจมีโอกาสได้พบกับฉลามวาฬที่มาเยือนบริเวณนี้แบบใกล้ชิดด้วย สำหรับใครที่สนใจเที่ยวเกาะช้างสามารถเติมแรงบันดาลใจก่อนออกเดินทางได้ที่ ที่เที่ยวเกาะช้าง ทะเลสวย น้ำใส ฟีลกู๊ดสุด ๆ

ที่เที่ยวป่า ผจญภัยในเส้นทางสุดท้าทาย

14. เขาหลวง อุทยานแห่งชาติรามคำแหง จังหวัดสุโขทัย

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย เขาหลวง อุทยานแห่งชาติรามคำแหง จังหวัดสุโขทัย

ท้าทายพลังใจไปกับภูเขาแห่งภาคเหนือที่เขาหลวง ภูเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดสุโขทัย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติรามคำแหง บนความสูงกว่า 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ด้วยระยะทาง 3.7 กิโลเมตร ผ่านเส้นทางชันระดับ 45-90 องศา ต้องฝ่าขึ้นทีละยอดรวมทั้งหมด 4 ยอด 

  • ยอดเขานารายณ์ จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นสุดอลังการ
  • ยอดเขาพระเจดีย์ จุดชมพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติก
  • ยอดเขาพระแม่ย่าและยอดเขาภูกา ที่รายล้อมด้วยป่าเขียวขจีให้พักสายตา

แม้เส้นทางจะชันและท้าทาย แต่ถือเป็นป่าปิดที่ปลอดภัย ไม่มีหุบเหวอันตราย ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 3-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและอากาศในวันนั้น โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาวระหว่างเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม อากาศดี และมีโอกาสได้ชมทะเลหมอกหนายามเช้า ศึกษาเส้นทางเพิ่มเติมที่ เปิดเส้นทางพิชิตเขาหลวงสุโขทัย ปีนเขารับไอหมอก

15. เขาสก อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทย เขาสก อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี

อุทยานแห่งชาติเขาสก ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองศก อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี หนึ่งในผืนป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทย อากาศที่นี่เป็นแบบฝนเมืองร้อนเฉพาะฤดู โดยมีฝนตกชุกในช่วงเดือนพฤษภาคม-เดือนกันยายน และได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงเดือนตุลาคม-เดือนธันวาคม ทำให้พื้นที่เขียวชอุ่มและอุดมไปด้วยสายน้ำตลอดปี โดยสามารถเลือกได้ว่าจะเที่ยวทางบกหรือเที่ยวทางน้ำ

  • การท่องเที่ยวทางบก เหมาะสำหรับสายธรรมชาติที่อยากสัมผัสความงามของน้ำตก ลำธาร และเส้นทางศึกษาป่าดิบชื้น
  • การท่องเที่ยวทางน้ำ เหมาะกับสายชิลที่อยากล่องเรือชมความงามเหนือ เขื่อนเชี่ยวหลาน (เขื่อนรัชชประภา) ท่ามกลางเขาหินปูนที่โผล่พ้นน้ำ ดูนก ตกปลา หรือชมผีเสื้อหลากสี

สำหรับใครที่รักการเดินป่าอุทยานแห่งชาติเขาสกยังมี “เส้นทางน้ำตกสิบเอ็ดชั้น” โดยมีให้เลือก 2 เส้นทาง 

  • เส้นทางแรก ระยะทางราว 4 กิโลเมตร ต้องปีนเขาและเจอทางชัน เหมาะกับผู้ที่ชอบความท้าทาย 
  • เส้นทางที่สอง ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เดินสบาย เหมาะกับคนที่อยากดื่มด่ำธรรมชาติแบบชิล ๆ

อีกเส้นทางที่ไม่ควรพลาดคือ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติสันยางร้อย” ระยะทางราว 2 กิโลเมตร ผ่านลำห้วยและป่าดิบชื้นอันอุดมสมบูรณ์ ใช้เวลาเดินเพียง 1-2 ชั่วโมง แต่เต็มไปด้วยเสียงนก เสียงน้ำ และความสดชื่นของผืนป่าที่โอบล้อม

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการเที่ยวธรรมชาติในไทย

เที่ยวชมธรรมชาติของไทยในช่วงเวลาที่ดีที่สุดและโรแมนติกที่สุด

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการท่องเที่ยวธรรมชาติในประเทศไทย สามารถเที่ยวได้ตลอดปีโดยช่วงฤดูหนาวเหมาะกับการชมทะเลหมอกบนดอยสูง ฤดูร้อนเหมาะกับการพักผ่อนริมทะเล ส่วนฤดูฝนเหมาะกับการสัมผัสป่าเขาเขียวชอุ่มและน้ำตกที่ไหลแรงสดชื่น

  • เที่ยวภูเขา น้ำตก ขึ้นดอย ในช่วงฤดูหนาวและฤดูฝน เพื่อชมทะเลหมอก และมีโอกาสได้พบเหมยขาบหรือน้ำค้างแข็งเกาะตามยอดหญ้า โดยช่วงฤดูฝนเป็นช่วงที่ป่าเขาเขียวชอุ่ม น้ำตกมีน้ำมาก น้ำไหลแรง และอากาศสดชื่น เหมาะกับการเที่ยวแนวผจญภัยหรือต้องการสัมผัสธรรมชาติในบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา
  • เที่ยวทะเลในช่วงฤดูร้อน เหมาะกับการเที่ยวทางทะเลและหมู่เกาะ เพราะน้ำทะเลใสที่สุด โดยทะเลอันดามัน (ฝั่งตะวันตก) เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวช่วงพฤศจิกายน-เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำทะเลใส ฟ้าเปิด และคลื่นลมสงบ ส่วนอ่าวไทย (ฝั่งตะวันออก) เหมาะกับการท่องเที่ยวช่วงธันวาคม-มิถุนายน เพราะฝนตกน้อย เหมาะกับกิจกรรมทางน้ำทุกประเภท

รวมคำถาม-คำตอบเกี่ยวกับที่เที่ยวธรรมชาติในประเทศไทย

หญิงสาวนั่งชมวิวภูเขาจากหน้าเต็นท์

สถานที่ธรรมชาติไหนเหมาะสำหรับดูทะเลหมอก?

ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ และเขาหลวง จังหวัดสุโขทัย ส่วนทางภาคใต้ก็สามารถชมได้ที่เขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ที่เที่ยวธรรมชาติในไทยติดอันดับโลกมีที่ไหนบ้าง?

เกาะสมุย คว้าอันดับ 1 “เกาะที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปี 2024” จาก Travel + Leisure Southeast Asia หาดกล้วย ติดอันดับ 2 “ชายหาดที่สวยที่สุดในโลก ปี 2025” จาก Tripadvisor Travelers’ Choice Awards และเกาะช้าง จังหวัดตราด ได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งใน “100 แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนของโลก ปี 2025” (Green Destination Top 100 Stories)

ที่เที่ยวธรรมชาติปีนเขาในไทยมีที่ไหนบ้าง?

เขาหลวง ภูเขาปราบเซียนแห่งภาคเหนือที่มี 4 ยอดให้พิชิตและวิวทะเลหมอกสุดอลังการ ดอยม่อนจอง ชมทุ่งหญ้าสีทองและยอดหัวสิงห์ และอุทยานแห่งชาติเขาสก เส้นทางเดินป่าผ่านป่าดิบชื้นและน้ำตกสิบเอ็ดชั้น

สำรวจที่เที่ยวธรรมชาติยอดฮิตของไทยเพิ่มเติม ได้ที่นี่

สัมผัสเสน่ห์แห่งธรรมชาติยอดฮิตของไทยในปี 2568 ไปกับ Bangkok Airways

ดีลดี ๆ เพื่อทริปสุดพิเศษ

ค้นพบเสน่ห์แห่งธรรมชาติทั่วทุกมุมของประเทศไทย ด้วยเที่ยวบินตรงสู่เชียงใหม่ สุโขทัย ตราด ภูเก็ต และกระบี่ โดยสายการบิน Bangkok Airways ด้วยบริการครบวงจรเหนือระดับ เพื่อพาคุณและคนพิเศษออกเดินทางสู่ประสบการณ์พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอย่างมีสไตล์และสะดวกสบายทุกเส้นทาง

  • บริการห้องรับรองสำหรับผู้โดยสารทุกท่าน
  • น้ำหนักโหลดกระเป๋าท่านละ 20 กิโลกรัม
  • การเลือกที่นั่งบนเที่ยวบิน
  • บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน
Share This Story with your travel friends!
Facebook
Twitter
LinkedIn
Email
Related Posts