Bangkok Airways สรุปให้
- เมืองรองของไทยปี 2568 มีทั้งหมด 55 จังหวัด กระจายทั่วทุกภูมิภาค เต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว ทั้งธรรมชาติบริสุทธิ์ วิถีชุมชนเรียบง่าย และบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับนักเดินทางที่ต้องการเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ ค้นหามุมใหม่ ๆ ของไทย และสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในท้องถิ่น
- เส้นทางเมืองรองทั่วไทยมีที่ปักหมุดหลายแห่ง เช่น เชียงราย เมืองแห่งขุนเขาโดยเฉพาะภูชี้ฟ้าและดอยช้าง อุบลราชธานี ดินแดนสุด Unseen ของหาดชมดาวและผาชะนะได ชมทะเลหมอกริมโขง รวมถึง ตราด เมืองหาดสวยน้ำใสที่มีเกาะหมากและเกาะช้าง พร้อมเติมเต็มประสบการณ์เที่ยวในบรรยากาศที่แตกต่าง
ที่เที่ยวเมืองรองในประเทศไทย มีเสน่ห์ไม่เป็นรองใคร และกำลังกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับคนที่อยากดื่มด่ำบรรยากาศชิล ๆ ในมุมสงบ พร้อมเปิดมุมมองใหม่ผ่านวิถีชีวิตท้องถิ่น ธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ และเรื่องราวเล็ก ๆ ที่หาได้ยากในเมืองใหญ่ Bangkok Airways รวมครบ 13 ที่เที่ยวเมืองรองทั่วไทย ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ที่ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองให้ได้สักครั้ง
ภาคเหนือ ดินแดนแห่งวัฒนธรรมและสายหมอก
ภาคเหนือ มีจังหวัดเมืองรอง ทั้งหมด 16 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สุโขทัย ลำพูน อุตรดิตถ์ ลำปาง แม่ฮ่องสอน พิจิตร แพร่ น่าน กำแพงเพชร อุทัยธานี พะเยา และ เชียงราย
1. เชียงราย เมืองแห่งขุนเขา ศิลปะ และวัฒนธรรมล้านนา

เชียงราย ดินแดนเหนือสุดของสยามที่เต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์ ทั้งภูเขาสูง ศิลปะร่วมสมัย และวัฒนธรรมล้านนาที่แฝงด้วยความอ่อนโยนของผู้คน เมืองนี้เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ชอบความสงบ อยากใช้เวลาไปกับธรรมชาติ ชมวัดและงานศิลป์ อย่างวัดร่องขุ่น หรือตามหาวิถีชุมชนที่ยังคงเรียบง่าย
ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเชียงรายคือ “ภูชี้ฟ้า” จุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ด้วยลักษณะยอดเขาที่ชี้ปลายออกไปเหมือนกำลังชี้ฟ้า บนความสูง 1,628 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นภูชี้ฟ้าได้ 2 เส้นทาง คือ
- เส้นทางที่ 1 ขึ้นทางวนอุทยานฯ จากจุดจอดรถเดินขึ้นภูชี้ฟ้า ประมาณ 750 เมตร
- เส้นทางที่ 2 ขึ้นทางบ้านร่มฟ้าทอง จากจุดจอดรถเดินขึ้นภูชี้ฟ้า ประมาณ 400 เมตร
โดยมีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกหนาในช่วงฤดูหนาวระหว่างธันวาคม-มกราคม โดยเฉพาะช่วงเช้าก่อนเวลา 05.00 น. รอชมแสงแรกของวัน และระหว่างทางจะพบกับต้นนางพญาเสือโคร่งสีชมพูบานสะพรั่ง ซึ่งถือเป็นช่วงที่ภูชี้ฟ้างดงามที่สุดของปี

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของเชียงรายคือ “ดอยช้าง” ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกกาแฟชั้นดีของไทย และปัจจุบันยังเป็นแลนด์มาร์กยอดนิยมของเชียงราย บนระดับความสูง 1,000-1,800 จากระดับน้ำทะเลปานกลาง นอกจากมีไร่กาแฟขั้นบันไดที่ทอดยาวไปตามไหล่เขาและอากาศหนาวที่โอบกาย โดยมีจุดที่ห้ามพลาด 2 จุดคือ
- ผาหัวช้าง จุดชมวิวหลักล้านที่มองเห็นทะเลหมอกได้ชัดเจนบนความสูง 1,800 จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
- อาข่า ฟาร์มวิลล์ (Akha FarmVille) ฟาร์มแกะที่มีม้าหมุนล้อมด้วยวิวทิวเขาสลับซับซ้อนที่ทั้งอบอุ่นใจและโรแมนติก
ส่วนใครที่รักการเดินป่า ขอแนะนำ “น้ำตกห้วยเต่า” โอเอซิสลับที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านม่อนพญาอินทร์ อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ด้วยสายน้ำใสที่ไหลลงแอ่งน้ำ รายล้อมด้วยร่มเงาไม้ใหญ่ที่ให้ความเย็นสบายทั้งวัน นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำ เดินป่าเบา ๆ หรือปิกนิกริมลำธารได้ เป็นจุดท่องเที่ยวที่ให้บรรยากาศผ่อนคลายแบบธรรมชาติ และผู้คนยังไม่พลุกพล่านมากนัก
2. แม่ฮ่องสอน เมืองหมอกสามฤดู เสน่ห์ชุมชนบนดอย

ถ้าพูดถึง “เมืองสามหมอก” ทุกคนจะต้องนึกถึงแม่ฮ่องสอน จังหวัดที่ได้รับสมญานามจากอากาศเย็นสบายและสายหมอกที่ปกคลุมตลอดทั้ง 3 ฤดู อีกทั้งยังเป็นถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย เช่น แม้วขาว ยางกะเลอ มูเซอแดง ลัวะ มูเซอดำ และจีนฮ่อ ที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้
ทำให้แม่ฮ่องสอนเต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว เหมาะสำหรับนักเดินทางที่อยากสัมผัสความเรียบง่ายแบบสโลว์ไลฟ์ สูดอากาศบริสุทธิ์ และพักใจไปกับจังหวะชีวิตช้า ๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม
“ดอยพุ่ยโค” หนึ่งในจุดชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดของแม่ฮ่องสอน ที่นี่สามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกบนยอดดอยเดียวกัน เส้นทางเดินขึ้นดอยมีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินราว ๆ 1 ชั่วโมง บนสุดมีจุดถ่ายรูปสุดไอคอนิก คือระเบียงหันออกนอกดอยใต้ร่มไม้ใหญ่ เห็นภาพวิวเทือกเขาที่ทอดยาวสุดสายตา โดยช่วงที่ดอยพุ่ยโคสวยที่สุดคือ เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ อากาศจะหนาวจัด มีโอกาสเจอหมอกหนาตลอดเช้า และทุ่งหญ้าบนสันดอยจะเปลี่ยนเป็นสีทองตัดกับฟ้ากว้างอย่างสวยงาม

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอนคือ “ปางอุ๋ง” หรือ โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับฉายาว่า สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ด้วยบรรยากาศสุดสงบ รายล้อมด้วยทิวสนสูงใหญ่ที่โอบทะเลสาบ
ยิ่งในยามเช้าของฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม จะได้สัมผัสอากาศเย็นจัด เหมาะกับการกางเต็นท์ค้างแรมแล้วตื่นมานั่งจิบกาแฟรอชมหมอกบางลอยคลอเคลียเหนือผืนน้ำ หรือพายเรือแพ เคียงคู่หงส์ที่ลอยตัวบนผืนน้ำขณะแสงอาทิตย์ค่อย ๆ ทะลุผ่านหมอกก็ได้เช่นกัน
“บ้านรักไทย” หมู่บ้านเล็ก ๆ บนดอยสูงกว่า 1,776 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่อบอวลด้วยเสน่ห์วัฒนธรรมจีนยูนนาน ไฮไลต์เมื่อมาเยือนคือ การเช่าชุดจีนโบราณ และล่องเรือไม้สไตล์จีนโบราณหลังคาโค้งประดับโคมแดงบนผืนน้ำ ส่วนสายกินก็ห้ามพลาดอาหารจีนยูนนานต้นตำรับ ทั้งขาหมูหมั่นโถวและชาอู่หลง ก่อนขี่ม้าหรือนั่งสามล้อชมรอบหมู่บ้านเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายบนดอย
สำหรับใครที่สนใจเที่ยวปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน สามารถเก็บพิกัดเพิ่มเติมได้ที่
แจกพิกัดที่เที่ยวปาย สัมผัสบรรยากาศโรแมนติกแห่งธรรมชาติ
3. น่าน เมืองน่ารัก เรียบง่าย แต่แฝงด้วยมนตร์เสน่ห์

น่าน จังหวัดเล็ก ๆ ที่มีความเขียวขจีของขุนเขา ป่าไม้ และผืนนากว้างใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาว ระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ที่ธรรมชาติจะสดชื่นที่สุด โดยไฮไลต์อยู่ที่ “ปัว” จุดหมายยอดนิยมที่เต็มไปด้วยทุ่งนาและวิวภูเขาโอบล้อมรอบด้าน มีโลเคชันสุด Unseen คือ
- วังศิลาแลง หรือแกรนด์แคนยอนเมืองปัว ที่เกิดจากหินแยกตัวกว่า 400 เมตร พร้อมสายน้ำใสไหลผ่านที่ทั้งแปลกตาและงดงาม
- ถนนลอยฟ้าโค้งเลข 3 เส้นทางคดเคี้ยวคล้ายเลข 3 ยาวประมาณ 300 เมตร ช่วงหมอกลงจะได้ภาพสวยที่สุด
- บ่อเกลือเจ้าซางคำ บ่อเกลือโบราณอายุกว่า 800 ปี ที่มีเวิร์กชอปทำเกลือขัดผิวและสปาเกลือได้เอาเท้าแช่น้ำสมุนไพรอุ่น ๆ ต่อด้วยการขัดผิวจากเกลือธรรมชาติ
หากใครต้องการความสงบและการพักผ่อนแบบวิถีชนบท แนะนำให้เลือกพักค้างแรมในโฮมสเตย์ที่ “สะปัน” หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขาที่เหมาะกับการปล่อยใจไปกับธรรมชาติ มานั่งชมวิวริมลำธาร ฟังเสียงน้ำไหลเบา ๆ หรือเดินเล่นชิล ๆ สำรวจวิถีชีวิตเรียบง่ายของคนในหมู่บ้าน ไปจนถึงถนนคนเดินหมู่บ้านสะปัน บริเวณสะพานโอโซน ซึ่งเปิดตั้งแต่ 16.00-20.30 น. ของทุกวัน ให้ได้ชิมอาหารพื้นเมืองอร่อย ๆ พร้อมชมวิวภูเขา
ภาคอีสาน เปิดประตูสู่ธรรมชาติสุด Unseen
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจังหวัดเมืองรอง 18 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี อุบลราชธานี หนองคาย เลย มุกดาหาร บุรีรัมย์ ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สุรินทร์ สกลนคร นครพนม ร้อยเอ็ด มหาสารคาม บึงกาฬ กาฬสินธุ์ ยโสธร หนองบัวลำภู และ อำนาจเจริญ
4. เลย เมืองแห่งขุนเขาและหมอกหนาว

จังหวัดเลย ที่เที่ยวเมืองรองของภาคอีสานตอนบนที่โอบล้อมด้วยสายหมอกหนา โดยเฉพาะแลนด์มาร์กยอดฮิตอย่าง “ภูทอก” โดยนั่งรถจากเชิงภูประมาณ 5-10 นาที จะถึงจุดสัมผัสทะเลหมอกและชมแสงแรกของวันในช่วง 05.30-08.00น. ที่งดงามแบบที่สุดของเลย
หลังจากอิ่มเอมกับวิวธรรมชาติแล้ว สามารถแวะต่อที่ “ตลาดเช้าภูทอก เชียงคาน” เพื่อชิมอาหารเช้าท้องถิ่น เหล้าอุรสอ่อน และเมนูขึ้นชื่ออย่าง โรตีภูเขา ในบรรยากาศสโลว์ไลฟ์แบบเชียงคาน
สำหรับสายมูหรือสายธรรมชาติ ต้องแวะ “พระใหญ่ภูคกงิ้ว” จุดเช็กอินยอดฮิตของเชียงคาน ที่ประดิษฐานพระใหญ่ภูคกงิ้ว หรือพระพุทธนวมินทรมงคลลีลาทวินคราภิรักษ์ พระพุทธรูปปางลีลาประทานพรองค์ใหญ่ให้ผู้มาเยือนได้สักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคล ทั้งยังมีสกายวอล์กความยาวกว่า 100 เมตร สูงจากระดับแม่น้ำโขงกว่า 80 เมตร ให้เดินชมวิวในมุมสูง โดยมองเห็นแม่น้ำเหืองไหลจากภูเมี่ยงฝั่งลาวมาบรรจบกับแม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสองสี และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งดงาม หากมาในช่วงปลายฝนต้นหนาวยังมีโอกาสได้ชมหมอกบางลอยเหนือริมโขงอีกด้วย
5. อุดรธานี เมืองมรดกโลกบ้านเชียงและศูนย์กลางอีสานตอนบน

เส้นทางแห่งความศรัทธาในเมืองรองที่ทั้งสวยและขลังต้องยกให้ จังหวัดอุดรธานี ศูนย์กลางอีสานตอนบนแห่งเมืองมรดกโลกบ้านเชียง ไฮไลต์แรกคือ “ทะเลบัวแดง กุมภวาปี” ที่งดงามที่สุดในช่วงธันวาคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี ระหว่างเวลา 06.00-11.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกบัวแดงบานเต็มผืนน้ำ โดยนักท่องเที่ยวสามารถลงเรือได้ที่ท่าเรือบ้านเดียม ตำบลเชียงแหว ใช้เวลาล่องเรือประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ชมความงามของทุ่งบัวแดงนับล้านดอก
จากนั้นนั่งรถต่อประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง จะถึง “คำชะโนด วังนาคินทร์” ดินแดนแห่งพญานาคที่สายมูไม่ควรพลาด นักท่องเที่ยวสามารถสักการะศาลปู่ศรีสุทโธและย่าศรีปทุมมา เพื่อขอพรตามใจปรารถนา และชมบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ พร้อมสรงน้ำรูปปั้นพญานาค นอกจากนี้ผู้มาสักการะยังนิยมตักน้ำใส่ขวดเพื่อนำกลับไปบูชา ท่ามกลางต้นคำชะโนดอันร่มรื่นที่มีเฉพาะที่นี่ที่เดียว
6. อุบลราชธานี เมืองริมโขง วัดงาม และธรรมชาติสวยบริสุทธิ์

อีกหนึ่งจังหวัดเมืองรองของอีสานที่ไม่ควรมองข้าม คือ อุบลราชธานี ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสุด Unseen ที่สวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่าง “หาดชมดาว” หรือ “แก่งหินงาม” ที่จะปรากฏให้เห็นประติมากรรมธรรมชาติของกลุ่มแก่งหินขนาดใหญ่เมื่อระดับน้ำในแม่น้ำโขงลดลงในช่วงพฤศจิกายน-เมษายน โดยเฉพาะหินชมนภา ที่เหมาะกับเป็นจุดชมทะเลดาวยามค่ำคืน
ส่วนสายชมวิวต้อง “ผาชะนะได” ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้มที่เป็นจุดเห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม โดยเฉพาะช่วงปลายฝนถึงต้นหนาว เดือนกันยายน-พฤศจิกายน ทั้งนี้ควรเตรียมรถให้พร้อมเพราะเส้นทางขึ้นมีความชันและค่อนข้างลื่น รวมถึงเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อมีฝนตกหรือหมอกลงจัด
ภาคตะวันออก Hidden Gems แห่งทะเลอ่าวไทย
ภาคตะวันออก มีจังหวัดเมืองรอง: 5 จังหวัด ได้แก่ นครนายก สระแก้ว ตราด จันทบุรี และปราจีนบุรี
7. ตราด เกาะสวยน้ำใส สู่โลกใต้ท้องทะเลอ่าวไทย

จุดหมายปลายทางในฝันของคนรักท้องทะเลอยู่ที่ จังหวัดตราด เมืองรองริมอ่าวไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องเกาะสวยน้ำใสและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ เหมาะกับผู้ที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายแล้วออกไปสัมผัสความชิลของทะเลภาคตะวันออก อาทิ
- เกาะกูด น้ำทะเลใส เหมาะกับการดำน้ำชมปะการังจนได้รับฉายา “อันดามันแห่งทะเลตะวันออก”
- เกาะหมาก เกาะที่เงียบสงบเหมาะกับการพักใจสมกับชื่อ “ไข่มุกแห่งทะเลอ่าวไทย” ได้รับรางวัลอันดับ 2 จาก 100 แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนยอดเยี่ยมทั่วโลก 2023 บนเวที ITB Berlin
- เกาะช้าง เกาะที่มีครบทุกบรรยากาศทั้งป่า เขา และน้ำตก ให้เลือกเที่ยวได้หลายสไตล์ เคยคว้าอันดับ 2 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวเขตร้อนชื้นที่ดีที่สุด จากสื่อ Travel + Leisure ปี 2024
จังหวัดตราด ท้องทะเลอ่าวไทย พร้อมเสิร์ฟความงดงามของธรรมชาติทะเลใส หาดสวย และอากาศดีได้ในทุกฤดูกาล สามารถชมบรรยากาศก่อนวางแพลนเดินทางได้ที่ ชมเกาะในจังหวัดตราด ปลายทางในฝันของคนรักท้องทะเล
8. จันทบุรี เมืองผลไม้ และหาดสวยมีเอกลักษณ์

นอกจากจันทบุรีจะเป็นสวรรค์ของผลไม้เมืองร้อนแล้ว เมืองนี้ยังมีหาดสวยสุด Unseen ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้ง “แหลมแม่นกแก้ว” ต.ช้างข้าม หาดทรายสีดำที่เงียบสงบและมีเสน่ห์ ช่วงน้ำลงสามารถเดินเล่นรับลมทะเลได้เพลิดเพลิน พร้อมสักการะ “ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ที่ตั้งอยู่ริมทะเล เพื่อเสริมสิริมงคลต่อการเดินทาง
นอกจากนี้ก็ยังมี “ลานหินสีชมพู” ในเขตห้ามล่าสัตว์คุ้งกระเบน ซึ่งเกิดจากหินทรายอาร์โคสตามธรรมชาติ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร โดยเฉพาะช่วงน้ำลงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน จะเห็นลานหินสีชมพูชัดที่สุด ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงประมาณ 09.00 น. หรือช่วง 16.00 น. ถึงพระอาทิตย์ตก ที่ท้องฟ้าเปลี่ยนสีสะท้อนลงบนผืนหินสวยงาม เป็นมุมหาดที่เหมาะกับการพักผ่อนและถ่ายรูปชิค ๆ เช็กอินในสไตล์จันทบุรี
ภาคใต้ สวรรค์แห่งท้องทะเลและธรรมชาติสมบูรณ์
ภาคใต้ มีจังหวัดเมืองรอง: 9 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล ชุมพร ระนอง นราธิวาส ยะลา และ ปัตตานี
9. ตรัง เมืองอาหารอร่อย ทะเลสวย และวัฒนธรรมอบอุ่น

จังหวัดตรัง เมืองรองของภาคใต้ที่อยากชวนไปเที่ยว โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองทับเที่ยง ชุมชนดั้งเดิมที่ยังคงกลิ่นอายวิถีชีวิตแบบตรังเก่าแก่กว่า 100 ปี ไฮไลต์ที่ควรแวะคือ “หอแหลงได้” หอนาฬิกาเก่าแก่ซึ่งสร้างขึ้นแทนหอกระจายข่าวเมื่อปี พ.ศ. 2504 สูง 15 เมตร ฐานกว้าง 6 เมตร ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่ยังคงตั้งอยู่ใจกลางทับเที่ยง
อีกมุมที่พลาดไม่ได้คือ “บ้านน้ำราบ” ชุมชนประมงเล็ก ๆ ในตำบลบางสัก รายล้อมด้วยป่าชายเลนกว่า 3,200 ไร่ โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ “เขาจมป่า” ที่ต้องล่องแพผ่านลำคลองเพื่อเข้าไปสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางป่าโกงกางสีเขียวผืนใหญ่ และสามารถเลือกทำกิจกรรมธรรมชาติหลากหลาย ทั้งปลูกป่าชายเลน ปลูกหญ้าทะเล และทำธนาคารปูม้า เป็นประสบการณ์ที่ได้ทั้งความสนุกและการอนุรักษ์ธรรมชาติไปพร้อมกัน

ส่วนคนรักทะเล อย่าลืมปักหมุดที่ “เกาะกระดาน” เกาะสวยจากเมืองตรังที่คว้าอันดับ 1 ชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ปี 2023 จาก World Beach Guide โดยมีจุดที่ควรเช็กอินคือ “หาดอ่าวเนียง” หาดทรายขาวยาว 800 เมตร มีน้ำใสจนเห็นแนวปะการังตลอดชายหาด และยังมองเห็นเกาะลิบงได้จากฝั่ง ใกล้กันคือ “หาดอ่าวไผ่” หาดทรายสั้น 200 เมตร แม้ไม่มีปะการัง แต่เป็นจุดชมวิวเกาะโดยรอบ และพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าอันงดงาม
10. ชุมพร ประตูสู่ภาคใต้ แหล่งดำน้ำและชายหาดเงียบสงบ

ชุมพร เมืองรองที่ได้ชื่อว่าเป็น “ประตูสู่ภาคใต้” ด้วยบรรยากาศเรียบง่าย ผู้คนอบอุ่น เมืองนี้เต็มไปด้วยชายหาดทรายขาว น้ำทะเลใส และจุดดำน้ำชมปะการังสวย สมกับที่ถูกขนานนามว่า “หาดทรายสวยสี่ร้อยลี้”
ไฮไลต์ของจังหวัดนี้คือ “เกาะลังกาจิว” เกาะเล็ก ๆ และหาดทรายสั้นเพียง 100 เมตร กลางอ่าวไทยในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ด้วยน้ำทะเลใสจนเห็นพื้นทรายและโพรงถ้ำเล็กใหญ่ให้สำรวจ เหมาะทั้งกับสายดำน้ำ หรือคนรักธรรมชาติที่ต้องการมุมพักใจสุดไพรเวตของทะเลใต้ เพราะพื้นที่นี้เป็นเขตสัมปทานรังนกจึงเงียบสงบมาก แต่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเที่ยว และทำกิจกรรมได้
11. ระนอง เมืองเล็กที่เต็มไปด้วยความสุขและสงบ

ระนอง เมืองรองเล็ก ๆ แม้จะเป็นเมืองฝนแปดแดดสี่ แต่กลับเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ไฮไลต์ที่ทำให้หลายคนตกหลุมรักคือ “เกาะพยาม” ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง บนเกาะสามารถเดินป่าตามเส้นทางธรรมชาติที่ลัดเลาะทั้งป่าบกและป่าชายเลน พร้อมลุ้นชมนกเงือก สัญลักษณ์แห่งผืนป่าภาคใต้ที่มักปรากฏตัวมาทักทายแบบใกล้ชิด หรือจะพายคายัคชมป่าโกงกางที่เขียวชอุ่มตลอดปี และสำหรับสายถ่ายรูปต้องไม่พลาดบริเวณอ่าวเขาควาย ที่มีจุดเด่นคือ หินทะลุ แลนด์มาร์กสุดปังให้ถ่ายรูปเช็กอิน
อีกหนึ่งความงามของระนองคือ “น้ำตกหงาว” ภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว น้ำตกขนาดใหญ่สูง 300 เมตร ไหลลดหลั่นลงมาตามหน้าผาจากภูเขาสูง จากลานจอดรถสามารถเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวใกล้น้ำตกได้ ในระยะทาง 500 เมตร โดยเส้นทางยังเป็นแหล่งอาศัยของ ปูเจ้าฟ้า สัตว์เฉพาะถิ่น และในช่วงตุลาคม-ธันวาคม จะได้พบกับดอกโกมาซุม (เอื้องเงินหลวง) กล้วยไม้ป่าหายากที่ผลิดอกสีขาวงดงาม เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ควรค่าแก่การมาเที่ยวระนองสักครั้ง
ภาคกลาง เสน่ห์ชนบทติดลุ่มเจ้าพระยา
ภาคกลาง มีจังหวัดเมืองรอง: 7 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี อ่างทอง และสมุทรสงคราม
12. สุพรรณบุรี เมืองเก่าที่ยังคงมีชีวิตแบบวิถีไทย

สุพรรณบุรี จังหวัดเมืองรองที่ใกล้กรุงเทพ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวิถีไทยดั้งเดิมและความเรียบง่าย โดยเฉพาะ “นาเฮียใช้” หรือศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย สถานที่ที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาและวิถีเกษตรกรรมไทยผ่านบรรยากาศแปลงนาสาธิต ยุ้งเก็บข้าว และกิจกรรมแบบชาวนาแท้ ๆ
หนึ่งในไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อแวะมาเที่ยวสุพรรณบุรีคือ “ผามังกรบิน” ตั้งอยู่ภายในพุทธมณฑลสุพรรณบุรี อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นหน้าผาหินอันงดงามที่ประดิษฐานพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ หรือหลวงพ่ออู่ทอง พระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
นอกจากพระแกะสลักอันยิ่งใหญ่แล้ว ยังมี “สกายวอล์ค สุพรรณบุรี” ทางเดินชมวิวสวยในมุมสูงของวัดเขาทำเทียม ความยาวราว 500 เมตร ซึ่งเป็นสกายวอล์กแบบไร้เสาค้ำยันที่ยาวที่สุดแห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ซึ่งปัจจุบันได้มีการเปิดให้ทดลองใช้งานและจะเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการในอนาคต
13. ราชบุรี เมืองแห่งธรรมชาติใกล้กรุง

ราชบุรี เมืองแห่งธรรมชาติใกล้กรุงเทพที่พร้อมพาไปสู่อ้อมกอดของภูเขา สายน้ำ และบรรยากาศเงียบสงบ โดยเฉพาะโซนที่ให้ฟีลทะเลสาบล้อมภูเขาแบบสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยที่หลายคนใฝ่ฝัน หนึ่งในพื้นที่ที่น่าแวะคือ “บ้านคา” อำเภอเล็ก ๆ ที่มี “อ่างเก็บน้ำโป่งกระทิง” รายล้อมด้วยภูเขาและผืนป่าขนาดใหญ่
อีกจุดห้ามพลาดคือ “อุทยานหินเขางู” แลนด์มาร์กที่มีภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตาตั้งตระหง่านโอบทะเลสาบ พร้อมสะพานลอยน้ำให้เดินชมวิวแบบรอบด้าน หรือใครมาเป็นคู่ก็สามารถปั่นจักรยานเป็ดน้ำเพิ่มความสนุกได้อีกด้วย
รวมคำถาม-คำตอบเกี่ยวกับการเที่ยวเมืองรอง
เที่ยวเมืองรองคืออะไร ต่างจากเที่ยวเมืองหลักยังไง?
เที่ยวเมืองรอง คือ การไปเที่ยวจังหวัดหรือพื้นที่ที่ยังไม่เป็นจุดหมายท่องเที่ยวหลัก มีจำนวนนักท่องเที่ยวไม่มาก โดยยังคงเอกลักษณ์ท้องถิ่นไว้มากกว่าเมืองใหญ่ ได้สัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่นมากกว่า และช่วยกระจายรายได้ไปสู่การพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ
เที่ยวเมืองรองเหมาะกับนักท่องเที่ยวสไตล์ไหน?
เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบความสงบแบบสโลว์ไลฟ์ ชิล ๆ ใกล้ชิดธรรมชาติ สนใจวิถีชุมชนและวัฒนธรรมดั้งเดิม และต้องการประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้พบเจอผู้คนและเรื่องราวในมุมที่แตกต่าง พร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
ควรใช้เวลาเที่ยวเมืองรองกี่วัน?
ใช้เวลาเที่ยว 2 วัน 1 คืน ก็อาจเพียงพอสำหรับเดินชมชุมชนและธรรมชาติแบบชิล ๆ แต่หากมีหลายกิจกรรม เช่น ล่องเรือ เดินป่า หรือศึกษาวัฒนธรรมหลายจุด ควรเผื่อ 3-4 วัน เพื่อให้เที่ยวได้ครบและไม่เหนื่อยจนเกินไป
ถ้าอยากเริ่มต้นเที่ยวเมืองรอง ควรเริ่มจากที่ไหนดี?
แนะนำให้เลือกจังหวัดไม่ไกล เดินทางง่าย มีกิจกรรมหลากหลายและบรรยากาศไม่พลุกพล่าน เช่น ราชบุรีหรือสุพรรณบุรี หรือเลือกเมืองที่มีเที่ยวบินตรงอย่างสุโขทัยหรือตราด ซึ่งช่วยให้การเดินทางสะดวกและมีเวลาเที่ยวมากขึ้น
แจกพิกัดที่เที่ยวเมืองไทยเพิ่มเติม ได้ที่นี่
- ทริปเที่ยวคนเดียว ลุยเดี่ยวทั่วไทย ผู้หญิงก็ไปได้สบาย
- ที่เที่ยวภาคเหนือ เก็บครบทุกไฮไลต์ใหม่ที่ไม่ควรพลาด
- ที่เที่ยวภาคใต้ ตามรอย 5 หนัง-ซีรีส์ดังระดับโลก
- ที่เที่ยวธรรมชาติยอดฮิต ค้นพบเสน่ห์แห่งเมืองไทย
ค้นพบเสน่ห์เมืองรองในมุมที่หลายคนอาจยังไม่เคยสัมผัสไปกับ Bangkok Airways

เริ่มต้นเที่ยวเมืองรองสัมผัสทะเลหมอกแดนเหนือ ชมธรรมชาติสุดอันซีนแดนอีสาน ท่องโลกใต้ท้องทะเลภาคใต้ หรือเช็กอินที่เที่ยวใกล้เมืองก็เดินทางสะดวกด้วยเที่ยวบินตรงสู่ที่เที่ยวเมืองรอง อาทิ สุโขทัยและตราด โดยสายการบิน Bangkok Airways ที่พร้อมดูแลตลอดการเดินทาง ด้วยบริการครบวงจร เพื่อให้คุณเก็บเวลาและพลังงานพร้อมเที่ยวได้เต็มอิ่มกว่าที่เคย
- บริการห้องรับรองสำหรับผู้โดยสารทุกท่าน
- น้ำหนักโหลดกระเป๋าท่านละ 20 กิโลกรัม
- การเลือกที่นั่งบนเที่ยวบิน
- บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน