Bangkok Airways สรุปให้
- อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย รวบรวมโบราณสถานมากถึง 281 แห่ง ครอบคลุมตั้งแต่สุสานวัดชมชื่นไปจนถึงเตาสังคโลกโบราณ โดยอุทยานแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี พ.ศ. 2534 ภายใต้ชื่อ “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร”
- เสน่ห์ของศรีสัชนาลัยอยู่ที่เรื่องราวที่ซ่อนใต้ความงามของโบราณสถาน เช่น วัดช้างล้อม เด่นด้วยช้างปูนปั้นรอบฐานเจดีย์ทรงลังการาว 39 เชือก วัดเจดีย์เจ็ดแถว สุสานหลวงกลางเมืองที่รวมเจดีย์หลากศิลปะกว่า 33 องค์ และวัดชมชื่น แหล่งขุดค้นพบโครงกระดูกโบราณที่บอกเล่าชีวิตผู้คนและความเชื่อเมื่อหลายร้อยปีก่อน
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย แหล่งอารยธรรมโบราณที่เก็บรักษาร่องรอยอดีตไว้กว่า 800 ปี ท่ามกลางโบราณสถานมากถึง 281 แห่งที่สะท้อนความรุ่งเรืองของอดีตจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO Bangkok Airways ชวนออกเดินทางตามรอยกลิ่นอายเมืองเก่า พร้อมพาไปรู้จัก 8 ไฮไลต์สำคัญของศรีสัชนาลัยที่มาแล้วต้องห้ามพลาด
ตามรอยกลิ่นอายเมืองเก่าของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย

ศรีสัชนาลัย เมืองเล็กริมแม่น้ำยมที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่ในฐานะเมืองลูกหลวงแห่งอาณาจักรสุโขทัย เป็นพื้นที่ที่บันทึกเรื่องราวการเปลี่ยนผ่านของอาณาจักรไทยมายาวนานนับพันปี ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จะได้เห็นสถาปัตยกรรมที่สะท้อนร่องรอยความรุ่งเรืองในแต่ละยุค อาทิ พระปรางค์และพระเจดีย์แบบเขมรและสุโขทัยที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง กลุ่มเจดีย์หลากรูปทรงที่วัดเจดีย์เจ็ดแถว ไปจนถึงวัดนางพญา วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่ และแหล่งเตาเผาสังคโลก

ด้วยความงดงามและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ทำให้ศรีสัชนาลัยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ร่วมกับสุโขทัยและกำแพงเพชร ภายใต้ชื่อ “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร” ในปี พ.ศ. 2534
ต่อมาจังหวัดสุโขทัยยังได้รับการยกย่องอย่างต่อเนื่องในระดับนานาชาติ อาทิ
- การขึ้นทะเบียน “มรดกความทรงจำแห่งโลก” ในปี พ.ศ. 2546 จากศิลาจารึกหลักที่ 1 พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
- การได้รับเลือกเป็น “เมืองสร้างสรรค์ด้านศิลปะและหัตถกรรมพื้นบ้าน” ในปี พ.ศ. 2562
- การได้รับการรับรองให้เป็น“เมืองแห่งการเรียนรู้” ในปี พ.ศ. 2565
นับเป็นจังหวัดเดียวของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโกทั้ง 4 มิติอย่างยิ่งใหญ่และโดดเด่นในเวทีโลก
8 ไฮไลต์สถานที่สำคัญภายในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย สุโขทัย
1. วัดเจดีย์เจ็ดแถว

วัดเจดีย์เจ็ดแถว โบราณสถานสำคัญกลางเมืองศรีสัชนาลัย ที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย ทั้งเจดีย์ประธานทรงดอกบัวตูมหรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เจดีย์ทรงลังกา เจดีย์ทรงปราสาทห้ายอดหรือเจติยวิหารทรงพุกาม สะท้อนอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย ศรีวิชัย ลังกา และพุกามที่ผสมผสานกันอย่างงดงาม
ส่วนด้านหลังเจดีย์ประธานยังมีซุ้มโถงประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปูนปั้น พร้อมภาพจิตรกรรมอดีตพระพุทธเจ้าและเหล่าเทวดากษัตริย์ ที่ถือเป็นหนึ่งในโบราณสถานที่สะท้อนความรุ่งเรืองและศิลปกรรมชั้นสูงของเมืองศรีสัชนาลัยได้เด่นชัดที่สุดแห่งหนึ่ง
2. วัดช้างล้อม

ด้านหลังโบราณสถานวัดเจดีย์เจ็ดแถวเดินไปประมาณ 150 เมตร จะพบกับวัดช้างล้อม หนึ่งในแลนด์มาร์กที่ต้องแวะ เมื่อมาเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เจดีย์ประธานทรงลังกา โดยรอบฐาน 4 ทิศรายล้อมด้วยช้างปูนปั้น 39 เชือกที่ยืนเต็มตัว สูงใหญ่กว่าช้างจริง และมีช้างขนาดใหญ่พิเศษประจำทั้ง 4 มุมเจดีย์

ส่วนด้านบนยังมีซุ้มพระพุทธรูปปางมารวิชัย 20 ซุ้ม แต่พระพุทธรูปได้ถูกทำลายไปจนเหลือเพียงองค์เดียว พร้อมประติมากรรมต้นโพธิ์และพระสาวกปูนปั้นนูนต่ำ 17 องค์ประดับอยู่โดยรอบ
ด้วยคติโบราณเชื่อว่าการสร้างเจดีย์ช้างล้อมอาจมีสองความหมายสำคัญ คือ การเฉลิมพระเกียรติชัยชนะทางสงคราม และการสื่อถึงแนวคิดสามโลก โดยมีช้างเป็นสัญลักษณ์ประจำทิศรอบเขาพระสุเมรุ ทำให้ศรีสัชนาลัยเป็นหนึ่งในเมืองที่พบเจดีย์ช้างล้อมกว่า 5 แห่ง รวมถึงวัดนางพญา วัดสวนสัก วัดเจดีย์เจ็ดแถว และวัดศรีมหาโพธิ์อีกด้วย

3. วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่ – อุทยานน้อย

วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดเก้าห้อง ประกอบด้วยเจดีย์ประธานทรงกลมก่อด้วยศิลาแลงที่แม้องค์ระฆังจะพังทลายไปแล้ว แต่ยังคงเห็นความยิ่งใหญ่ของโครงสร้างเดิม พร้อมเจดีย์ประธานที่รายล้อมด้วยวิหารที่มีมุขด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมบันไดขึ้นทั้งสี่ทิศ โดยภายในกำแพงศิลาแลงสี่ด้านที่เปิดทางเข้าเพียงด้านหน้า ทำให้วัดแห่งนี้ให้บรรยากาศทั้งขรึม สงบ และงดงาม
ส่วนวัดสวนแก้วอุทยานน้อยหรือวัดสระแก้ว ตั้งอยู่ถัดจากวัดช้างล้อมประมาณ 200 เมตร เป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดกะทัดรัด ภายในกำแพงแก้วล้อมรอบด้วยเจดีย์ประธานทรงดอกบัวตูม สะท้อนเอกลักษณ์เด่นของศิลปะสุโขทัย ส่วนด้านหลังเป็นวิหารพร้อมซุ้มพระลักษณะเป็นมณฑปหลังคาโค้งแหลม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่ชวนให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงามท่ามกลางเงาไม้และความสงบของเมืองเก่า
4. วัดนางพญา

อีกหนึ่งไฮไลต์ของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยอยู่ที่วัดนางพญา ตั้งอยู่บนเส้นทางเดียวกับวัดสวนแก้วอุทยานใหญ่ มีวิหารเจ็ดห้องที่ผนังด้านตะวันตกเฉียงเหนือยังคงเห็นลวดลายปูนปั้นอันประณีต เช่น ลายรักร้อยแข้งสิงห์ และลายประจำยาม ซึ่งสะท้อนอิทธิพลศิลปกรรมจากทั้งศิลปะล้านนาและจีน
เสาวิหารทุกต้นประดับเทพพนมและลวดลายสังคโลกแบบไม่เคลือบ แสดงถึงฝีมือช่างชั้นครูในสมัยอยุธยาตอนต้น พร้อมเจดีย์ประธานทรงระฆัง รวมถึงลวดลายพรรณพฤกษาและเทพพนม ซึ่งแม้จะชำรุดไปบางส่วน แต่ยังพอให้เห็นความละเอียดอ่อนของงานศิลป์ยุคนั้นได้
5. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดพระบรมธาตุเมืองเชลียง)

สำหรับสายประวัติศาสตร์ต้องไม่พลาดวัดพระศรีรัตนมหาธาตุหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าวัดพระปรางค์ และวัดพระบรมธาตุเมืองเชลียง โบราณสถานขนาดใหญ่ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองศรีสัชนาลัยประมาณ 3 กิโลเมตร
วัดนี้ถือเป็นศูนย์กลางศาสนสถานสำคัญมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18 ก่อนจะพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงสมัยอยุธยา ปัจจุบันได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นราชวรวิหาร และได้รับการบูรณะดูแลโดยกรมศิลปากร ภายในวัดประกอบด้วยกลุ่มอาคารศาสนสถานจำนวนมาก

- ปรางค์ประธาน ก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูน ศิลปะอยุธยา ภายในพบร่องรอยจิตรกรรมโบราณ มีวิหารด้านหน้าประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย และพระพุทธรูปปูนปั้นปางลีลาที่งดงาม
- พระธาตุมุเตา เจดีย์ทรงมอญอยู่ด้านหลังปรางค์ประธาน เคยพบทองจังโกประดับส่วนยอดในการขุดแต่งปี พ.ศ. 2535
- มณฑปพระอัฏฐารศ เดิมสันนิษฐานว่าเป็นมณฑปพระสี่อิริยาบท ต่อมามีการซ่อมแซมดัดแปลง ภายในซุ้มมีพระพุทธรูปยืน
- วิหารสองพี่น้อง อยู่ทางซ้ายของมณฑปพระอัฏฐารศ ก่อด้วยศิลาแลง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย 2 องค์ และพบรอยพระพุทธบาทบริเวณด้านข้าง
- ซุ้มประตูรูปพระพักตร์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร โดดเด่นอยู่บนกำแพงวัด ก่อด้วยศิลาและแท่นกลมเรียงกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
- กุฏิพระร่วงพระลือ (ศาลพระร่วงพระลือ) มณฑปฐานสี่เหลี่ยมหลังคาซ้อน 4 ชั้น ภายในประดิษฐานรูปหล่อจำลองพระร่วง ถือเป็นสถานที่สำคัญทางตำนานของเมืองเชลียง

- หลวงพ่อโต พระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย หน้าตักกว้าง 4.08 เมตร ประดิษฐานภายในวิหารตั้งตระหง่านหน้าองค์ปรางค์
- พระพุทธรูปลีลา ตั้งอยู่ทางด้านหน้าปรางค์ประธาน เป็นงานปูนปั้นนูนสูงแสดงพระพุทธองค์ในอิริยาบถลีลาตามแนวคิดลังกา พระหัตถ์ยกในปางประทานอภัย เป็นผลงานสะท้อนแนวคิดมหาบุรุษลักษณะที่มีความงามตามอุดมคติ
- พระพุทธรูปนาคปรก พระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิราบบนขนดนาคที่ซ้อนกัน 4 ชั้นครึ่ง (เดิมคาดว่ามีถึง 7 ชั้น) พระรัศมีเป็นเปลว มีประภามณฑลทรงรีทอดยาวถึงพระอังสา ด้านหลังปรากฏเศียรนาคเจ็ดเศียร ปัจจุบันหลงเหลือเศียรบริวารเพียงเศียรเดียว
6. วัดชมชื่น

เดินต่อจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียงประมาณ 400 เมตร จะเจอวัดชมชื่น ที่มีเจดีย์ประธานทรงกลมก่อด้วยศิลาแลง และวิหารด้านหน้าขนาดหกห้องพร้อมมุขยื่น ซึ่งด้านหลังเชื่อมต่อกับมณฑปลักษณะคล้ายห้องทึบ หลังคาก่อศิลาแลงซ้อนเหลื่อมกันเป็นรูปจั่วแหลม
ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่หลุมขุดค้นทางโบราณคดี ซึ่งพบโครงกระดูกมนุษย์ 15 โครงที่เล่าเรื่องราววิถีชีวิตของผู้คนในอดีต ทั้งลักษณะกระดูกและฟันที่ไม่พบรอยโรคหรือฟันผุ บ่งบอกว่าชุมชนแห่งนี้มีสุขภาพและอาหารการกินที่ดี อีกทั้งยังสะท้อนความเชื่อเกี่ยวกับความตาย และความสัมพันธ์กับชุมชนอื่น เช่น ชุมชนวัฒนธรรมทวารวดีและชุมชนริมชายฝั่งทะเลอีกด้วย
7. วัดเจ้าจันทร์

ด้านหลังของวัดชมชื่นยังมีวัดเจ้าจันทร์ โบราณสถานยุคต้นของศรีสัชนาลัยที่ได้รับอิทธิพลศิลปะแบบเขมร ด้วยปรางค์ประธานก่อด้วยศิลาแลง มีซุ้มประดับครบทั้งสี่ด้าน มีฐานบัวคว่ำ บัวหงาย และหลังคาซ้อนชั้นแบบขอมยุคปลาย
พร้อมการขุดค้นพบร่องรอยศาสนสถานก่ออิฐเก่าของโบราณวัตถุสมัยทวารวดี-หริภุญชัย เช่น พระพิมพ์ทำด้วยชิน (ดีบุกผสมตะกั่ว) ลูกปัดแก้ว และโครงกระดูกมนุษย์ จึงสันนิษฐานว่าบริเวณนี้เคยเป็นเทวสถานขอมที่สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษ 18 สมัยบายน ก่อนพัฒนาเป็นพุทธสถานในสมัยสุโขทัย
8. วัดเขาสุวรรณคีรี

สำหรับใครที่อยากชมวิวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยในมุมสูง ต้องมาที่วัดเขาสุวรรณคีรี ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมเพลิง ทางขึ้นเป็นบันไดศิลาแลงทอดยาวลัดเลาะตามไหล่เขา ระหว่างทางจะพบแท่นหินขนาดใหญ่ที่เชื่อว่าเคยเป็นจุดภาวนาของพระหรือผู้ปฏิบัติธรรม
เมื่อถึงยอดเขาจะพบเจดีย์ประธานทรงลังกาที่ตั้งตระหง่านบนฐานสูง 5 ชั้น รอบเจดีย์ล้อมด้วยกำแพงแก้ว มีวิหารและมณฑปน้อยประดิษฐานพระพุทธรูป พร้อมลวดลายประดับคล้ายศิลปะจีนที่ซุ้มประตูและราวบันได บริเวณหน้าวัดยังมีเสาศิลาแลงสูงเรียงกัน ซึ่งเชื่อว่าเคยใช้แขวนโคมไฟ ทำให้วัดเขาสุวรรณคีรีได้รวมทั้งความศักดิ์สิทธิ์และวิวเมืองโบราณไว้ด้วยกัน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย สุโขทัย

การเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย สามารถเที่ยวได้ตลอดปี โดยช่วงเวลาเที่ยวที่ดีที่สุด คือ ช่วงปลายฤดูฝนถึงฤดูหนาว ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ เพราะเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย โดยช่วงเช้าในบางวันอาจมีโอกาสได้พบสายหมอกลอยคลอเหนือยอดเขาพนมเพลิง บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะทั้งกับการเดินชมเมืองเก่าของศรีสัชนาลัย และขึ้นจุดชมวิวบนวัดเขาสุวรรณคีรีได้แบบไม่เหนื่อยจนเกินไป
รวมคำถาม-คำตอบเกี่ยวกับอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย สุโขทัย
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยเปิดกี่โมง?
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
มีวิธีการเดินทางในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยให้เลือกกี่วิธี?
ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย สามารถเที่ยวชมได้ 3 วิธี ทั้งเดินเท้า เช่าจักรยานในราคา 20 บาท หรือนั่งรถรางตามรอบการให้บริการ ราคา 30 บาท พร้อมเจ้าหน้าที่บรรยายเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
ใช้เวลาเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยประมาณกี่ชั่วโมง?
ประมาณ 2-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจุดที่ต้องการแวะชมและวิธีการเดินทาง หากปั่นจักรยานหรือใช้รถรางก็จะช่วยประหยัดเวลาและเดินทางได้ทั่วถึงมากขึ้น
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยมีค่าธรรมเนียมสำหรับเข้าชมหรือไม่?
คนไทยราคา 20 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท
สำรวจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์แห่งอาณาจักรสุโขทัยเพิ่มเติม ได้ที่นี่
- ที่เที่ยวสุโขทัย ห้ามพลาด ตามรอยประวัติศาสตร์ ชมกลิ่นอายเมืองเก่า
- ที่เที่ยวสุโขทัยที่ไม่ใช่วัด จัดเต็มครบทุกกิจกรรมดีต่อใจ
- คู่มือเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มรดกโลกที่ต้องไปสักครั้ง
- คู่มือเที่ยวอุทยานรามคำแหง สุโขทัย ครบทั้งกิจกรรม จุดเช็กอิน
เปิดโลกชมเสน่ห์และเรื่องราวแห่งอาณาจักรสุโขทัยไปกับ Bangkok Airways

เปิดโลกสู่พื้นที่ที่ร้อยเรื่องราวท่ามกลางมนต์เสน่ห์ของเมืองโบราณอายุกว่าแปดศตวรรษ ณ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เดินทางสะดวกด้วยเที่ยวบินตรงสู่สุโขทัย โดยสายการบิน Bangkok Airways ที่พร้อมดูแลทุกท่านด้วยบริการเหนือระดับ เพื่อให้คุณออกค้นหาความงามของศรีสัชนาลัยได้สะดวกในทุกสเต็ป
- บริการห้องรับรองสำหรับผู้โดยสารทุกท่าน
- น้ำหนักโหลดกระเป๋าท่านละ 20 กิโลกรัม
- การเลือกที่นั่งบนเที่ยวบิน
- บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน