เข้าสู่ช่วงกลางปี ใครที่ตั้งเป้าว่าอยากไปท่องเที่ยวพักผ่อนช่วงนี้ เรามี สถานที่ท่องเที่ยว ต้อนรับฤดูฝนในเมืองไทย พร้อมวิธีการเตรียมตัวก่อน การเดินทาง มาฝากนักท่องเที่ยวทุกคนกัน
เริ่มต้นกันที่ สถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งได้รับความนิยมในหน้าฝนกันก่อน แน่นอนว่าตัวเลือกต้นๆต้องเป็น น้ำตก แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตที่เหมาะกับบรรยากาศชุ่มฉํ่าในฤดูฝน เพราะธรรมชาติจะดูเขียวสดและชุ่มชื่นมากกว่าทุกฤดู โดยจะเลือกเที่ยวแบบผจญภัยหน่อยๆด้วยการพายเรือล่องแก่ง หรือ เลือกท่องเที่ยวแบบสบายๆแนวครอบครัว กับการเล่นนํ้าตกเย็นๆ พร้อมนําอาหารไปปิกนิกริมนํ้าก็ได้
สำหรับ น้ำตก ที่สวยงามน่าสนใจใน การเดินทาง ท่องเที่ยวช่วงฤดูฝน อาทิ น้ำตกไทรโยคใหญ่ จ.กาญจนบุรี, น้ำตกเกาฟุ จ.ลำปาง , น้ำตกห้วยแก้ว จ.เชียงใหม่ , น้ำตกขุนกรณ์ จ.เชียงราย , น้ำตกทีลอซู จ.ตาก , น้ำตกกรุงชิง จ.นครศรีธรรมราช และ น้ำตกสะพานหิน จ.ตราด เป็นต้น
ทั้งนี้ นอกจากน้ำตกแล้ว ภูเขาก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะอากาศแสนจะเย็นสบาย แถมละอองนํ้าก็ดูสวยงามไม่แพ้ไอหมอกในฤดูหนาวเลย ที่เที่ยว แนะนำได้แก่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน , อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี , อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี , อ.พะโต๊ะ จังหวัดชุมพร , ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ และ ไร่ชาฉุยฟง จ.เชียงราย
ปิดท้ายกันด้วย อุทยานแห่งชาติสถานที่เที่ยวอีกแนวที่หลายคนเลือกใช้เวลาที่นี่เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ รวมถึงชมความสมบูรณ์ของ พืชพรรณ ต้นไม้ ดอกไม้ (หลายชนิดมีให้ชมเฉพาะฤดูฝน) ในวันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึง ไม่ว่าจะเลือกเดินป่า ปีนเขา นั่งเรือชมวิว หรือกางเต้นท์นอนกลางป่า ก็น่าสนุกทั้งนั้น ซึ่งรายชื่ออุทยานที่นักท่องเที่ยวชอบเดินทางไปเที่ยวในหน้าฝนก็มี อุทยานแห่งชาติแม่วงศ์ จ.กำแพงเพชร , อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่, อุทยานแห่งชาติขุนสถาน จ.น่าน , อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก , อุทยานแห่งชาติเขาสก จ. สุราษฎร์ธานี , อุทยานแห่ง ชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ , อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์ และ อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์
เมื่อเลือก สถานที่ท่องเที่ยว ในฤดูฝนของคุณได้แล้ว สิ่งที่ควรทำต่อมาคือการวางแผนเตรียมตัวก่อน การเดินทาง เพราะแม้ช่วงหน้าฝนจะดูเย็นสบาย แต่ก็มีข้อควรระวังมากมายไม่ต่างจากฤดูอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การเจ็บป่วยจาก สภาพอากาศ อุบัติเหตุระหว่าง การเดินทาง หรือ อันตรายจากภัยธรรมชาติ
เริ่มต้นด้วย
1.เช็ค สภาพอากาศ หน้าฝนอาจหลีกเลี่ยงฝนได้ยาก แต่การที่คุณเช็คข่าวสาร สภาพอากาศ ให้ดีก่อน เลือกวันที่ฟ้าโปร่งใสก็อาจทำให้คุณเจอกับสายฝนน้อยลงหรืออาจไม่เจอฝนเลย การเดินทาง จะสะดวกขึ้น อีกทั้งยังลดความเสี่ยงเกี่ยวกับการป่วยเป็นหวัด รวมถึงลดความเสี่ยงที่จะประสบอุบัติเหตุระหว่างทางด้วย ที่สำคัญคุณคงไม่อยากนอนเบื่ออยู่ในห้องพักเพราะเจอฝนตกหนักตลอดทริป ถ่ายภาพมาก็มีแต่เมฆดำทมึนเป็นฉากหลังหรอก
2.เช็คเที่ยวบิน ตารางรถ-เรือโดยสาร และ ถนนหนทาง เมื่อมีจุดหมายกับวันเวลาที่แน่นอนแล้ว ต่อมาก็ต้องจองตั๋วเครื่องบินหรือพาหนะอื่นๆ ที่คุณจะใช้เดินทางไปยังสถานที่เที่ยวทางที่ดีควรจะจองตั๋วล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน เพราะนอกจากจะประหยัดแล้ว ยังทำให้คุณมีเวลาในการจัดทริปแบบละเอียด ไม่ต้องเร่งรีบจนพลาดอะไรไป
3.จองโรงแรม-ที่พัก เป็นขั้นตอนที่สำคัญ หากการท่องเที่ยวของคุณหมายถึงการพักผ่อน โรงแรมและที่พักดีๆเป็นหัวใจของทุกทริป เช่นเดียวกัน ควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อที่คุณจะได้โรงแรมหรือที่พักซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของคุณที่สุด โดยไม่ต้องไปลุ้นแย่งกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆในช่วงวันหยุดยาว
4.จัดกระเป๋า ที่เที่ยว ฤดูฝนมีความแตกต่างจากฤดูอื่น สิ่งที่คุณควรนำติดกระเป๋าไปด้วยนอกจากของใช้ส่วนตัวทั่วไป คือ อุปกรณ์กันฝน อาทิ หมวก ร่ม เสื้อกันฝน , กระเป๋ากันน้ำ , ถุงพลาสติกใส่เสื้อผ้าเปียก , รองเท้ากันฝน , ยารักษาโรค และ ยากันแมลง
5.สำรวจ ร้านอาหาร ที่เที่ยว แต่ละแห่งล้วนมีของดี อาหารอร่อยต่างกัน ก่อนเดินทางคุณควรหาข้อมูลร้านอาหารที่มีชื่อเสียง น่าสนใจ ในสถานที่เที่ยวที่คุณกำลังจะไปล่วงหน้าไว้ก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเทียวตามหาร้านอาหารในแต่ละมื้อ และไม่ต้องเสี่ยงที่จะเลือกร้านอาหารผิดจนต้องเสียอารมณ์กันไปเปล่าๆ
หากทำตามคำแนะนำทั้งหมด เท่านี้ คุณก็พร้อมแล้วสำหรับการท่องเที่ยวครั้งใหม่ในฤดูฝน